30 มิถุนายน 2565

คำถามต้องยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่ทำต้องเล็กน้อย

ต่อจากโพส ไม่ต้องเลียนแบบคนสำเร็จ ก็สำเร็จได้ ง่ายกว่าด้วย อ่านที่นี่ ที่ทาร่าเล่าให้ฟังว่า Key Success ที่ทำพวกมหาเศรษฐีและคนสำเร็จเค้าทำกัน ไม่ใช่การทำงานให้ได้เยอะๆ ในแต่ละวัน แต่เป็นการทำงานที่สำคัญที่สุดให้เสร็จในทุกๆ วันต่างหาก 

พวกเขาใช้วิธีการตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันนี้ฉัน (หรือผม) สามารถทำอะไรได้แค่อย่างเดียว ที่จะทำให้งานอย่างอื่นง่ายขึ้นหรือไม่ต้องทำแล้ว งานนั้นคืออะไร?? และพวกเขาก็แค่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานนั้นให้เสร็จ 


นี่เป็นแนวคิดที่ทาร่าได้มาจากหนังสือ The One Thing ของ Gary Keller


นอกจากเรื่องนี้แล้ว ทฤษฏี The one thing ยังเชื่ออีกว่า…. เราต้องตั้งเป้าหมายงานให้ยิ่งใหญ่ไว้ก่อนเสมอ (ไม่ใช่ว่าเราขี้เกียจ อยากทำแค่วันละอย่าง งั้นก็ลดเป้าหมายตัวเองลงมาละกัน) เพราะสุดท้ายแล้ว เราทุกคนอยากได้ผลลัพธ์ อยากมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต และการที่เราจะมีผลลัพธ์แบบนั้นได้ แน่นอนว่าเป้าหมายของเราต้องสอดคล้องกันด้วย เพราะฉะนั้น Lets Go ค่ะ อยากไปไหน อยากมีชีวิตยังไง ปักหมุดไว้โลด!!!


เมื่อได้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนต่อไป คือแต่ละก้าวของเราต้องเล็กน้อย


ผู้เขียนแนะนำให้เราตั้งคำถามโดยใช้ทฤษฎี The One Thing ในทุกๆ เป้าหมาย และในทุกๆ เรื่องของชีวิต ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ครอบครัว สังคม การเติบโตทาง และจิตวิญญาณ 


ตัวอย่างคำถาม เช่น ถ้าวันนี้เราไปทำงาน แล้วมีแค่งานเดียวที่เราต้องเลือกทำให้เสร็จ เพื่อให้เราจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลถึงงานที่เหลืออีกแล้ว งานนั้นคืออะไร?? สมมติว่าคุณเป็นหัวหน้าและวันนี้คุณเรียกประชุมทีมงาน คุณก็อาจจะลองถามตัวเองว่า ถ้ามีแค่ 1 เรื่องที่สามารถหาข้อสรุปและนำไปปฏิบัติได้เลยในวันนี้ ที่จะทำให้ประสิทธิภาพของทีมเราเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด เรื่องนั้นคืออะไร?? 


Credit:Unsplash

หรือเรากลับมาบ้านแล้วเจอแฟน เราอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองก็ได้ว่า ถ้ามีแค่อย่างเดียวที่เราทำวันนี้ แล้วความสัมพันธ์ของเรากับแฟนจะกลับไปหวานชื่นเหมือนตอนแต่งงานกันอีกครั้ง สิ่งนั้นคืออะไร?? 


หรือเมื่อลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้วเราเจอหน้าลูก เราก็อาจถามตัวเองว่า ถ้ามีแค่อย่างเดียวที่เราทำ แล้วจะช่วยให้ลูกมีผลการเรียนที่ดีขึ้น มีอนาคตที่สดใสมากขึ้น เข้าใจโลก เข้าใจชีวิตมากขึ้น สิ่งนั้นคืออะไร??


Credit:Unsplash

ยังมีอีกเรื่องที่ผู้เขียนสรุปไว้ตอนท้าย คือ นอกจากเราจะต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ มีแผนงานที่เล็กน้อยแล้ว เรายังต้องให้ความสำคัญกับ The One Thing ของเรามากๆ ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแค่การอ่านนิทานให้ลูกฟัง ถ้าเราได้เลือกมาแล้วว่าสิ่งนี้แหละ คือสิ่งเล็กน้อยสิ่งเดียวที่เราจะทำได้ในวันนี้ เพื่อที่จะให้ลูกน้อยหอยสังข์ของเราโตขึ้นไปอย่างมีคุณภาพ เราก็ต้องใส่มันในไดอารี่ให้เหมือนกับกิจกรรมอย่างอื่นด้วย (ไม่ใช่ว่าแค่นี้เอง งั้นทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้.. ถ้ามีเพื่อนมาชวนไปดริ๊ง งั้นวันนี้ไม่ทำดีกว่า.. แบบนี้ไม่ได้นะคะ)


ในเมื่อเราไม่ได้ต้องทำอะไรเยอะแยะในแต่ละวัน แต่เราเลือกมาแล้วว่าจะทำแค่อย่างเดียว เพราะฉะนั้นเราต้องมีวินัยและทำมันให้ได้ค่ะ และก้าวเล็กๆ (แต่เป็นก้าวที่ชาญฉลาด) ในแต่ทุกๆ วันของเรานี่แหละที่จะพาเราไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ (เหมือนเป้าหมายที่เราตั้งไว้)


ทาร่าคิดว่าทฤษฎีนี้น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ สำหรับคนที่มีชีวิตที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย อยากจะสำเร็จแบบคนอื่น แต่พอทำเยอะๆ แบบคนอื่นแล้วก็เหนื่อยเหลือเกิ๊นนนน… งั้นลองทำแค่อย่างเดียวดูมั้ยคะ?? 




💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย


#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Twitter: @tarathow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow




ไม่ต้องเลียนแบบคนสำเร็จ ก็สำเร็จได้ง่ายกว่าด้วย

 ไม่ต้องเลียนแบบคนสำเร็จ ก็สำเร็จได้ง่ายกว่าด้วย

 

เคยคิดมั้ยคะว่า ‘บุคคลที่ประสบความสำเร็จ’ เค้ามีอะไรที่เหมือนกัน?? ความพยายาม ความตั้งใจ ความขยัน ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือรักการเรียนรู้?? แน่นอนว่าไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ละคนก็มีสูตรที่แตกต่างกันไป แต่มีสูตรนึงที่ทาร่าชอบมากๆ เพราะมันฟังดูง่ายและไม่เหนื่อยดี 

 

นั่นก็ คือ สูตรของ Gary Keller ที่เล่าไว้ในหนังสือ The One Thing (มีแปลไทยชื่อ “ได้ทุกสิ่งด้วยสิ่งเดียว”) ตามชื่อหนังสือเลยค่ะ ทำแค่อย่างเดียวพอ!! เอ้ยยยย!! อะไรจะง่ายขนาดน้านนนน ไปรู้จักกับสูตรนี้กันเลยค่ะ

 

หนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจตรงที่ผู้เขียนได้อธิบายไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราไม่ได้มีความสำคัญเท่ากันหมด มีบางอย่างที่สำคัญกว่าอย่างอื่น และถ้าเราทำสิ่งนั้นสำเร็จ งานอย่างอื่นจะง่ายขึ้น หรือบางทีเราอาจไม่ต้องทำงานอย่างอื่นเลยก็ได้

 

Gary Keller ยกทฤษฏีของ Domino Effect มาเล่าต่อ ใช่ค่ะ เจ้า Domino ที่เราเล่นกันตอนเด็กๆ อ่ะค่ะ เคยมีคนทดลองเอา Domino มาตั้งเรียงกัน และดูว่าด้วยการกระดิกแค่ครั้งเดียว เราจะสามารถล้ม Domino ได้กี่ตัว?? และผลการทดลองนี้ก็น่าตื่นเต้นมาก เพราะเมื่อเจ้า Domino ตัวแรกล้ม ตัวที่สองล้ม ตัวที่สามล้มตามๆ กันไป พวกมันสามารถล้มต่อๆ กันไปได้ไกลแบบไม่มีที่สิ้นสุด ในการทดลองนี้เค้าใช้ระยะทางไกลขนาดจากโลกไปดวงจันทร์แล้วกลับมา มันก็ยังไม่หยุดล้มเลยค่ะ โห!!!

 

และถ้าขนาดของ Domino ใหญ่ขึ้นล่ะ?? เค้าก็มีการทดลองไว้ด้วยเหมือนกัน คือการเพิ่มขนาด Domino ขึ้นเรื่อยๆ (ทาร่าจำสัดส่วนที่ชัดเจนไม่ได้ รู้สึกจะอยู่ระหว่าง 20%-50% นี่แหละ) แต่จำสรุปของการทดลองนี้ได้ดีเลยค่ะ ผู้เขียนเล่าไว้ว่า แม้ว่าจะเริ่มต้นจาก Domino ตัวเล็กๆ แต่เมื่อวางพวกมันไว้ติดๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้น Domino ตัวสุดท้ายที่ที่การทดลองนี้ล้มได้สำเร็จมีความสูงเท่ากับหอไอเฟลเลยค่ะ โหอีกรอบ!!!

 

Credit:Unsplash

สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเริ่มให้มันถูกที่ ถูกชิ้น แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง

 

ทฤษฎีของ The One Thing เน้นย้ำว่าเราต้องหาให้เจอว่า Domino ตัวแรกของเราให้เจอว่าในบรรดางาน หรือ to do list ของเราทั้งหมด มีอะไรที่สำคัญที่สุด?? และมีอะไรมั้ยที่ถ้าเราทำเสร็จแล้ว จะช่วยให้งานอย่างอื่นเสร็จเร็วขึ้น หรือไม่ต้องทำอีกแล้ว??

 

ทาร่าชอบตอนที่ผู้เขียนเล่าให้ฟังว่า เค้าเคยพยายามอยากเป็นคนที่สำเร็จเอามากๆ (มาลุ้นกันว่าสุดท้ายเค้าสำเร็จหรือไม่นะคะ) 

 

สิ่งที่เค้าทำคือ ถอดสูตร ถอดรหัสความสำเร็จจากคนสำเร็จคนอื่นๆ เค้าพยายามคิดเหมือนคนสำเร็จ ทำเหมือนคนสำเร็จ แต่งตัวเหมือนคนสำเร็จ กินอาหารเหมือนคนสำเร็จ จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน อะไรก็พยายามทำทุกอย่างแบบที่คนสำเร็จเค้าทำกัน 

 

และเค้าก็สำเร็จค่ะ มีงาน มีผลลัพธ์ ในแบบที่เค้าพอใจ ทั้งการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ทุกอย่างเติบโต แต่… แต่…. คุณเค้าบอกว่า มันเหนื่อยฉิบหาย!! (burntout) และเค้ามั่นใจว่าตัวเองไม่สามารถทำได้ในระยะยาวแน่นอน (คุ้นๆ มั้ยคะ??)

 

ผู้เขียนเลยโยนทฤษฎีทั้งหมดทิ้ง แล้วหันมาเป็นตัวเองดู ทำทุกอย่างในแบบตัวเอง ใช้ชีวิตในจังหวะ

ของตัวเอง และใช้กฎ The one thing แทน

 

Credit:Unsplash

ไม่ต้องคิดเยอะ ทำเยอะ ตื่นเช้า นอนดึก อะไรทั้งนั้น แค่คิดว่าถ้าวันนี้ฉันจะทำอะไรได้แค่อย่างเดียว สิ่งนั้นควรจะเป็นอะไร?? และผลลัพธ์ที่เค้า คือ เค้าประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม แถมเหนื่อยน้อยลงด้วยค่ะ ผู้เขียนเลยเอาวิธีนี้ไปแชร์กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานก็ลองทำตาม ปรากฏว่า ลิสต์งานประจำวันของพวกเค้าน้อยลง และก็ได้ผลลัพธ์เท่าเดิมหรือดีขึ้นเหมือนกันค่ะ (ดีไปอีกเนอะ มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์แบบนี้)

 

พอผู้เขียนเริ่มประสบความสำเร็จมาก ๆ เค้าเลยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่เป็นมหาเศรษฐีมากขึ้น คนพวกนี้มีเงินนอนในบัญชีธนาคารสวยๆ ไม่ต่ำกว่า 30,000,000 บาทขึ้นไป พอได้ไปเที่ยว สังสรรค์ กับคนพวกนี้มากขึ้น เค้าก็ได้ข้อสังเกตเพิ่มเติมมาอีกว่า เออ กลุ่มคนรวยพวกนี้ คนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน วันๆ เค้าทำเหมือนกับทฤษฎี The One Thing ของเค้าเลย คือ ทำแค่อย่างเดียว!! และคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ นั้น เค้าไม่ได้มีความสามารถในการทำงานเยอะอย่างมากกว่าคนทั่วไป แต่พวกเค้ามีความสามารถในการแยกแยะว่าอะไรคือสิ่งจำเป็น และ อะไรคือสิ่งไม่จำเป็นในชีวิตต่างหาก

 

ในขณะที่คนทั่วไปยังมุ่งมั่นตั้งใจพยายามจะทำให้วันหนึ่งได้ทีละหลายๆ อย่าง หลายๆ งาน คือ increase productivity ในแต่ละวัน แต่กลุ่มมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ล้วนทำแค่สิ่งเดียวกันค่ะ 

 

ทาร่าคิดว่าแนวคิดแบบ The One Thing ก็น่าสนใจดีนะคะ จะไปผลัก Domino เองทำไมให้ครบทุกตัว ถ้าเราแค่ผลักตัวแรกแล้วตัวต่อๆ ไปมันก็ล้มเองได้ ?? 

 

แล้วเพื่อนๆ เคยคิดมั้ยคะว่า ถ้าวันนี้ (หรือพรุ่งนี้) เราสามารถทำงานได้แค่ “อย่างเดียว” เท่านั้น อะไรคือ “อย่างเดียว” ในงานของเพื่อนๆ ที่จะทำให้ “อย่างอื่น” ง่ายขึ้นหรือไม่จำเป็นต้องทำแล้ว?? 


เพื่อนๆ คิดยังไง มาแชร์ความเห็นกันได้นะคะ ทาร่ารออ่านเลยค่ะ


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย


#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Twitter: @tarathow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow


แรงบันดาลใจ ไม่สามารถทำให้ใครประสบความสำเร็จได้

 แรงบันดาลใจ ไม่สามารถทำให้ใครประสบความสำเร็จได้


เรื่องนี้มันน่าสนใจมากๆ เพราะทาร่าได้ยินมาจากนักพูดสร้างแรงบันดาลใจในออสเตรเลียค่ะ ในบริบทที่เค้าควรจะไปพูดสร้างแรงบันดาลใจ แต่สิ่งที่เค้าพูดออกมา คือ “ผมเกลียดการพูดสร้างแรงบันดาลใจมาก เพราะอะไรรู้มั้ย??”


เพราะแรงบันดาลใจมันก็เหมือนการเร่งเครื่องของรถ การออกแรงวิ่งในสนาม… มันจะขยายผลทุกอย่างที่คุณทำอยู่ให้เร็วขึ้น และใหญ่ขึ้น.. ถ้ารถของคุณหันพวงมาลัยไปถูกทาง แน่นอนว่ามันก็จะพาคุณให้ไปถึงจุดหมายเร็วขึ้น แต่ถ้าพวงมาลัยของคุณหันผิดทางอยู่ล่ะก็ มันก็จะยิ่งทำให้คุณห่างไกลจากเป้าหมายยิ่งขึ้นไปอีก


ถ้าคุณเป็นหนูถีบจั่น และผมให้แรงบันดาลใจกับคุณ คุณก็จะออกแรงวิ่งเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว!!! และถ้าคุณยังคงได้รับแรงบันดาลใจต่อไป แน่นอนว่าคุณก็จะยังมีกำลังใจในการวิ่งต่อไป… อย่างไม่ย่อท้อ… ยิ่งถ้าบวกกับศาสตร์คิดบวกเข้าไปนะ….. โอ๊ยย นี่มันเป็นเรื่องบ้าบอมากๆ


แรงบันดาลใจต้องมาพร้อมกับความรู้และวิสัยทัศน์ด้วย !!! 


Credit : Unsplash


กระดุมเม็ดแรกของคุณ คือ คุณต้องเป็นหนูที่ออกมานอกกงจั่น เป็นคนขับรถที่มีแผนที่และหันพวงมาลัยไปถูกทิศก่อน แบบนี้พอได้รับแรงบันดาลใจไป คุณก็วิ่งได้ไกล ได้เร็ว และถึงเส้นชัยแน่นอน


ทาร่าจำประโยคภาษาอังกฤษที่เค้าพูดไว้ได้ชัดเจนไม่มีวันลืมเลยค่ะ


“If you’re a idiot and I motivate you, you just gonna be a motivated idiot” หมายความว่า ถ้าคุณเป็นคนโง่ คนปัญญาอ่อน แล้วเขาให้แรงบันดาลใจกับคุณ คุณจะเป็น คนโง่ คนปัญญาอ่อน ที่มีแรงบันดาลใจ อย่างท่วมท้น -*-


เพราะฉะนั้นเวลาที่เค้ารับงานพูดสร้างแรงบันดาลใจ เค้าจะไม่ไปคนเดียว แต่จะไปในลักษณะของวิทยากรคู่มากกว่า บนเวทีของเค้าจะต้องมีกูรูที่ให้ความรู้ ให้เครื่องมือ ไปด้วยตลอด ไม่ว่าจะเป็นนักขาย นักการตลาด นักลงทุน อสังหา หุ้น เทรด อะไรก็ได้ แต่เค้าจะไม่ยอมพูดสร้างแรงบันดาลใจให้ใครโดยที่ไม่มีความรู้ไปด้วยโดยเด็ดขาด!!


ทาร่าชอบเรื่องนี้มากๆ เพราะมันทำให้ทาร่าคิดได้ว่า… บางครั้งสิ่งที่เราขาดก็ไม่ใช่แรงบันดาลใจหรือทัศนคติเชิงบวก แต่อาจจะเป็นความรู้ที่มากขึ้น ทัศนคติที่ชัดขึ้น คมขึ้น เครื่องมือที่ดีขึ้นก็ได้ บ่อยครั้งมันก็ห่างกันแค่เส้นกั้นบางๆ ว่านี่เรากำลังเหนื่อยท้อ และต้องการกำลังใจ หรือจริงๆ แล้วเรายังขาดทักษะที่เหมาะสม และควรไปหาความรู้เพิ่มเติมกันแน่ - -”


Credit : Unsplash


มีเครื่องมือนึงที่ทาร่าใช้ในการเป้าหมายและได้ผลมาตลอด เพื่อนๆ หลายคนก็ใช้กันอยู่และได้ผลดีงามทุกคน นั่นก็คือ Vision Board ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใหญ่ เป้าหมายเล็ก ทั้งเรื่องสุขภาพ การงาน การเงิน ความรัก ความสัมพันธ์ ครอบครัว สังคม จิตวิญญาณ แค่หารูปของผลลัพธ์ที่เราอยากได้มาแปะๆ ไว้และวางไว้ในสายตาทุกวัน แล้วก็รอพบกับความมหัศจรรย์ได้เลย 


ใครที่ยังไม่รู้จัก Vision Board หรืออยากรู้จักเพิ่มเติม ทาร่าขอฝากผลงานเล่มนี้ไว้ด้วยนะคะ อ่านแล้วรับรองว่าคุณจะหลงรักความรู้ชุดนี้เหมือนกับทุกคนที่กำลังใช้อยู่ 🥰


👉 “Power of Vision Board: เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ by Tara Thow”


แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl


E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0


E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj



💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย


#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Twitter: @tarathow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow


07 มิถุนายน 2565

ไม่ใช่ทุกคนชอบแมว แล้วทำไมทุกคนต้องชอบเรา

ทาร่าเชื่อว่าถ้าเราเป็นตัวเองมากพอ และไม่ได้หลอกตัวเองจนเกินไป เมื่อเราใช้ชีวิตมาถึงจุดนึง เราจะเริ่มตระหนักได้ว่า… อันตัวเรานี้ไม่สามารถทำอะไรให้ถูกใจใครได้หมดทุกเรื่อง ตราบใดที่เรายังเป็นตัวเอง ก็จะต้องมีทั้งคนที่ชอบเรา แล้วก็ไม่ชอบเรา เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ


มีครั้งหนึ่งทาร่าได้มีบทสนทนาดีๆ กับโค้ชเปิ้ล ซิดนีย์ เจ้าของเรื่องเล่าดี ๆ อยากปัง แค่ฟัง "คนที่เราแคร์" ละก็เป็นโค้ชเปิ้ลนี่แหละที่เป็นคนทั้งผลัก ทั้งดัน ทั้งเตะให้ทาร่าออกมาทำเพจ ทำคลิปลง Youtube ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว… 


มันเป็นความกลัวข้างในตัวทาร่านี่แหละที่ทำให้ไม่กล้าเผชิญ เรากลัวว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง กลัวโดนเพื่อนล้อว่า ชอบอ่านหนังสือ ชอบเรียน ดูแล้วมันไม่เท่ห์ ไม่คูลอ่ะ 😔 


อยากมีความสุข ก็ง่ายนิดเดียว ใครๆ ก็สุขได้ ไม่เห็นจะต้องมาเพ้อเจ้ออะไรให้มากความเลยยย 😳 


แต่ก่อนที่จะคิดเองไปไกลกว่านี้ พี่เปิ้ลก็เรียกสติกลับมา 


“เดี๋ยว!!! ทาร่า เธอไม่ใช่ญาญ่านะ ทำไมทุกคนเค้าจะต้องชอบเธอ” 


แม้กระทั่งตัวญาญ่าเอง ต่อให้เค้าเป็นเบอร์ 1 ของช่อง มีแฟนคลับทั้งประเทศ แต่เค้าก็ไม่สามารถเล่นได้ทุกเรื่อง รับได้ทุกบท พรีเซ็นต์ได้ทุกแบรนด์ มันก็ต้องมีคนบางกลุ่มที่แม้แต่ญาญ่าก็ชนะใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นช่องเค้าจะมี มาร์กี้ เบลล่า มิว แต้ว แมท นักแสดงหญิงคนอื่นๆ ไว้ทำไม (หรือบางคนอาจจะชอบ BL ไปเลยก็มี - ยิ่งช่วงนี้ กระแส BL มาแรงจริงๆ ทาร่าเองก็ยังจิ้นเลยย 😆)


ถ้าพูดถึงญาญ่าแล้วยังดูไกลตัวไป ให้ทาร่าคิดถึงน้องหมา-น้องแมวก็ได้… 


Credit : Pixabay


ขนาดแมวเป็นสัตว์ที่คิวท์ น่ารักกกที่สุดในโลกแล้ว เพื่อนทาร่าถึงขนาดบอกว่า “ตั้งแต่มีแมว ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว.. คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร คุยกับแมวรู้เรื่องก็พอแล้ว… ชีวิตนี้ไม่อยากซื้ออะไรให้ตัวเองอีกแล้ว อยากเก็บเงินไว้เปย์ลูกๆ” และมนุษย์ทาสแมวแบบนี้ก็มีเยอะมากกกก 


แล้วพี่เปิ้ลก็หันมาถามว่า “ทาร่าเคยเจอใครที่ไม่ชอบแมวมั้ย??”


มีดิพี่ ตัวทาร่าเองนี่แหละ!! อย่าเรียกว่าไม่ชอบเลย เรียกว่าไม่ชอบแบบสุดๆ เลยดีกว่า ทาร่าไม่ชอบกลิ่นตัวแมว ไม่ชอบขนที่ติดตามเสื้อผ้า ติดพรหม ข่วนนั่น ข่วนนี่ เหม็นอึ เหม็นฉี่มัน ขี้เกียจอาบน้ำ เช็ดล้าง ทำความสะอาด ให้อาหาร โอ๊ยยยยย แค่ชีวิตตัวเองก็วุ่นวายพออยู่แล้วมั้ยพี่ 


พี่เปิ้ลหัวเราะ “ก็ใช่ไง!! แล้วเราเป็นใคร?? ทำไมทุกคนถึงจะต้องชอบเรา?? เราก็คนปกติมั้ย ก็ต้องทำใจนะคะว่าเราถูกใจได้แค่บางคน ส่วนใครไม่ชอบเราก็ตามนั่นค่ะ โนสน โนแคร์ค่ะซิส สิ่งสำคัญที่สุด คือ เรารักตัวเอง เราชอบตัวเอง เราเห็นคุณค่าตัวเองก็พอแล้ว”


(ป๊าดดดด… คมไปอี๊กกกก!!)


Credit : Pixabay


ทุกครั้งที่ทาร่าคิดถึงบทสนทนานี้ มันทำให้ทาร่ามีกำลังใจ รู้สึกรักตัวเองมากขึ้น และกล้าที่จะเป็นตัวเองในแบบที่เราเป็นจริงๆ อยากพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน ไม่รู้เรื่องไหนก็หาเรียนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สากกะเบือจนเรือรบ ทั้งสุขภาพ การงาน การเงิน ความรัก จิตใจ จิตวิญญาณ วิทยาศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ก็ไม่เว้น ทาร่ารู้สึกว่ามันน่าสนสนใจดี ชีวิตคนเราควรพัฒนาให้ครบทุกมิติ


สำหรับใครที่ชอบบทความแบบนี้ สามารถติดตามทาร่าได้ทางไลน์ @tarathow นะคะ เวลามีคลิปใหม่ๆ หรือบทความที่ปังๆ ทาร่าจะส่งให้ทางไลน์ด้วยค่ะ 😎


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย


#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Line: @tarathow


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Twitter: @tarathow


02 มิถุนายน 2565

ธุรกิจโครตปังด้วยไอเดียย้อนแย้ง - ยิ่งฟังดูเป็นไปไม่ได้ ยิ่งน่าสนใจ!!

“อยากผอมต้องออกกำลังกาย คุมอาหาร ยาลดน้ำหนัก…. ไม่ต้องไปขายแล้วววว ทุกคนเค้ารู้กันหมดแล้ว ถ้าอยากป๊อป อยากปัง อยากดังข้ามคืน ขายอะไรที่คนเค้ายังไม่รู้ไปเลยค่ะ!!!


สูตรคีโตอย่างงี้!!! ชวนเพื่อนไปนั่งกินหมูกะทะ แล้วก็ออกมาให้ความรู้เรื่อง Ketogenic Diet งี้


ลดความอ้วนตามกรุ๊ปเลือดอย่างงี้!! แกเลือดกรุ๊ปเอ อย่าไปกินผัก กินปลาให้เหนื่อย เนื้อแดงๆ นี่กินไปเลยจ้ะ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เพราะบรรพบุรุษเราเป็นนักล่ามาก่อน เหยยยย


หรือ IF (Intermittent fasting) จ้าาาา… ภายใน 8 ชั่วโมงนี้แกจะกินอะไรก็ได้ ไม่ต้องออกกำลังกายก็ได้ ขอแค่ไม่กินอะไรใน 16 ชั่วโมง ยังไงก็ผอมชัวร์"


Credit: Pixabay


เรื่องนี้ทาร่าได้มาจาก Peng Joon โค้ชธุรกิจออนไลน์อันดับต้นๆ ของโลก แล้วก็เป็น 1 ไอเดียที่ทาร่าคิดว่ามันเจ๋งมากๆ เค้าบอกไว้ว่าลองสังเกตุคนดังๆ ที่เค้าแจ้งเกิดขึ้นมาสิ ส่วนมากมักจะมีไอเดียอะไรที่โคตรย้อนแย้งกับตรรกะของคนส่วนใหญ่


Robert Kiyosaki ก็เป็นคนนึงที่แจ้งเกิดด้วยหนังสือการเงิน “พ่อรวยสอนลูก” โดยขายแนวคิดที่ว่า อยากรวยเหรอ?? ไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ ไม่ต้องหางานดีๆ ไม่ต้องหวังเลื่อนขั้น ไม่ต้องเก็บเงินจนเกษียณ แล้วค่อยเริ่มใช้ชีวิต… เค้าเน้นเรื่องการเป็นเจ้าของธุรกิจของเตัวเองเนอะ!!!


เหยยยยย โลกธุรกิจเราต้องการอะไรแบบนี้ค่ะ ใครมีไอเดียอะไรเด็ดๆ งัดออกมาเลยนะคะ เช่น กินไวน์ยังไงผอม (งื้อออ 😍) อ่านนิยายยังไงให้รวย (อ๊อยย 😍) เลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะแค่ให้นั่งเล่นเกม อะไรแบบนี้มาสะกิดทาร่าด้วยนะ จะตามไปอุดหนุน 😁


(แต่ต้องเป็นของจริงนะ พลีสสส 🙏🙏🙏)


อ่อ!! ยังมีอีกตัวอย่างนึงที่ทาร่าชอบมากๆ คือ เพจสมองไหลของครูนาฟิส ที่บอกไว้ว่า "คุณก็สามารถสร้างธุรกิจได้ แม้ว่าวันนี้จะไม่มีเงินทุนเลยแม้แต่บาทเดียว" เค้ามีคอร์สสอนทำธุรกิจออนไลน์เริ่มต้นได้โดยไม่ใช้เงินทุนด้วยค่ะ อันนี้ทาร่าเรียนมาแล้ว ดีงาม งานดี จนอยากแนะนำต่อเลย สำหรับคนที่มีธุรกิจ มีเงิน ยิ่งต่อยอดได้เยอะเลยค่ะ


ราคาเต็ม 22,800 บาท จองผ่านเรา 5 คนแรก ลดเหลือ 12,900 บาท ทักมาได้เลยนะคะ 😘


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow