23 กุมภาพันธ์ 2565

Energy Detox รีบูทร่างกายแค่ 2 นาที

มีใครเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ?? 

Qi Gong (ชี่กง) เป็นการฝึกสมาธิและการฝึกหายใจ ถือกำเนิดที่ประเทศจีน มีนานนับพันปี เป็นศาสตร์ที่คนจีนรู้จักกันดี และช่วยปรับร่างกายของคนจีนให้สมดุล เป็นพลังการรักษาแบบป้องกันก่อนเกิดโรค และฮอตฮิตจนคนตะวันตกนำมาทำตามด้วย


      Credit: satoriqigong

ทาร่าอยากแนะนำประวัติคร่าว ๆ ของศาสตร์นี้ก่อนค่ะ ‘ชี่กง’ เป็นการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนแบบโบราณที่รู้จักกัน ในด้านพลังการรักษาที่น่าอัศจรรย์ เป็นการผสมผสานระหว่างการหายใจอย่างนุ่มนวล การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และการทำสมาธิแบบเจริญสติ ถ้าเราได้ทำแล้วเราจะรู้สึกเหมือนใจเต้นแรงเลยค่ะ



มันดีมาก แม้กระทั่ง ดร.ออซ (Mehmet Cengiz Öz) หมอและพิธีกรคนดังระดับโลกเคย กล่าวว่า "ถ้าคุณอยากมีชีวิตยืนถึง 100 ปี จงทำชี่กง"


Credit:whitetigerqigong


ชี่กง มีนับพันแบบค่ะ แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้ง่ายๆ เป็นเรื่องของการ Refresh พลังงานง่ายๆ Energy Detox ใช้เวลาแค่ 2 นาที สูตรนี้ทาร่าได้มากจาก Satori Method ค่ะ ชอบมากเพราะรู้สึกว่าทำง่าย

เข้าใจง่าย แล้วรู้สึกได้ผล



เดี๋ยวทาร่าจะแนบลิงค์ให้ด้วยค่ะ เผื่อเพื่อนๆ ลองทำตาม 




สามารถทำได้ตลอด วันละ1 - 3 ครั้ง แล้วก็กลับไปทำงานตามปกติได้ ง่ายๆ สั้นๆ เป็นเทคนิคที่ทาร่าคิดว่าเจ๋งมากๆ ทำให้เรารีเฟรชร่างกายจากการทำงานที่ล้าๆ พอลองทำแบบนี้คือสดใสขึ้นมาเลยค่ะ 


ทาร่าเชื่อว่าทุกมิติของชีวิตล้วนเชื่อมต่อกันค่ะ ถ้าเรามีสุขภาพที่ดี เราก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเงิน มีความสุข มีความรักที่ดีงามตามมาด้วย ในขณะเดียวกันชีวิตครอบครัวที่ดีงามก็จะช่วยให้เรามีความสุข มีกำลังกาย กำลังใจ ที่จะไปทำงาน สุดท้ายแล้วเราก็จะมีการเงิน และสังคมที่ดีไปด้วย



ทาร่าเชื่อว่าชีวิตที่ดี ต้องดีในทุกมิติ และเครื่องมือนึงที่ทาร่าใช้มาตลอดและชอบมากๆ คือ Vision Board ค่ะ ทาร่าได้รวบรวมทฤษฎีและวิธีใช้ ทั้งจากประสบการณ์ตัวเอง ประสบการณ์เพื่อนๆ และจากทุกตำราที่ทาร่าพอจะเข้าถึงได้ ย่อยให้อ่านง่ายๆ จบได้ภายใน 2 ชั่วโมง และที่สำคัญ มันได้ผล 1000% ขอฝากผลงานนี้ไว้ในอ้อมใจเพื่อนๆ ด้วยนะคะ 


 📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow



SME จะหนีงานได้ยังไง

 ทุกวันนี้ใครทำงานเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก หรือ SME ยกมือค่ะ 🙋 ทาร่ายกสองมือเลยค่ะ 🙆‍♀️ ถึงจะมีหุ้นส่วนก็เหอะ แต่ด้วยความเป็นเจ้าของ ทาร่าก็จะมีความคาดหวัง รวดเร็ว ละเอียด ใส่ใจ ให้บริการ ในแบบที่เจ้าของทำเอง ถ้ามนุษย์เงินเดือนทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ความลับที่เจ้าของธุรกิจ (ในช่วงเริ่มต้น) ไม่เคยบอกคุณ คือ พวกเค้าทำงานวันละ 12 ชั่วโมงกันค่ะ!!


จังหวะเดียวกันกับเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ทาร่าเจอสเตตัสบนเฟสบุ๊คของเพื่อนคนนึงที่บ่นว่า 👉 ตั้งแต่เป็นเจ้าของกิจการเอง ผ่านมา 2 ปีแล้ว ยังทำงานไม่เคยได้หยุดแม้แต่วันเดียว ฮือออ อ่านสเตตัสเพื่อนแล้วนึกว่าก็อปความคิดเรา (ตอนเริ่มธุรกิจใหม่ๆ) มาวางเลยค่ะ เพื่อนทำทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ สากกะเบือ ยันเรือรบ มีเวลาให้ตัวเอง สุขภาพ ครอบครัว น้อยลง จนเค้าเองก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว ฮือ!! อีกรอบ



Credit:Pixabay


💥 ฉันต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว พร้อมกับร้องเพลงพี่ป้าง ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว (ใครเกิดทันแปลว่าเรารุ่นเดียวกัน 😉) เอาเป็นว่า เพื่อนรู้สึกว่าต้องจัดระเบียบชีวิตใหม่ ถ้าขืนยังใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปมีหวังนางคงได้ใช้ชีวิตทางลัด จากที่ควรจะเป็น ทำงานหนัก รวย สบาย สู่ขิต เหลือแค่ ทำงานหนัก แล้วก็ข้ามไปสู่ขิตเลยก็ได้


สเตตัสนี้คอมเมนต์ระเบิดเลยค่ะ เพราะคนทำธุรกิจ SME น่าจะมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ ตัวทาร่าเองก็เคยมีสภาพแบบเดียวกันเลยค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ด้วยแนวความคิดจากหนังสือ The 4 Hours Work Week ของ Tim Ferriss (ชื่อภาษาไทย คือ ทำน้อยแต่รวยมาก) ขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณยังไง 💖


Tim บอกว่า สำหรับคนทำงาน SME ที่ต้องการจะหาเวลาว่างให้ตัวเองนั้นง่ายมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดงานอาทิตย์ละ 1-2 วัน หรือพักร้อนซัก 2 - 4 อาทิตย์ สิ่งที่ต้องก็แค่ 👉 เตรียมตัว และเตรียมใจ ที่จะรับมือสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจเราแค่นั้นเอง เช่น 


🙄 สต๊อกอาจจะหมด 👉 งั้นสอนงานพนักงานไว้ซักคน ดูแล้วใครเหมาะสมที่สุด


🙄 ยอดขายอาจจะลดลง 20% 👉 เตรียมเงินสำรองเผื่อไว้


🙄 พนักงานต้องรอการตัดสินใจ 👉 เปลี่ยนจาก FAQ (คำถามที่พบบ่อย) มาเป็นนโยบายเลย ถ้าเจออะไรที่คล้ายๆ ให้พนักงานตัดสินใจโดยอ้างอิงจากนโยบายของร้านไปเลย


🙄 ขโมย หรือสต๊อกหายไปเพราะพนักงานของเรานี่แหละ 👉 ติดกล้องวงจรปิด และทำประกันไว้ตามความเหมาะสม


🙄 บริการช้าลง 20% 👉 ทำใจ เดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยทำโปรโมชั่นชดเชย กอบกู้ชื่อเสียงเรากลับมา (หายไปแค่ 2 อาทิตย์ มันจะเสียหายได้มาที่สุดแค่ไหน ก็เตรียมแผนฟื้นฟูไว้มากแค่นั้น)


 Credit:Pixabay


🌈 Tim บอกว่า เมื่อเราเตรียมรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่เราสามารถจินตนาการได้ และเตรียมแผนรับมือไว้อย่างรอบคอบแล้ว เชื่อมั้ยคะว่า เวลาที่เราไม่อยู่จริงๆ เหตุการณ์มันจะไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก 🌟


ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ติดตั้งระบบบริหารความเสี่ยง (risk management) ให้ธุรกิจของเรา ถ้า 1-2 อาทิตย์สั้นไป เราอาจจะลองคิดให้ไกลขึ้นก็ได้ แล้วถ้า 1-2 เดือนล่ะ?? หรือ 1-2 ปีล่ะ?? บางอย่างเราอาจจะสามารถทำได้ทันที แต่บางอย่างเราอาจจะต้องใส่ไว้ในแผนงานและค่อยทำในวันที่พร้อม


🌵 Hope for the best, yet prepare for the worst


🌵 คาดหวังว่ามันจะออกมาดีที่สุด แต่ก็พร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นด้วย


ทาร่าเชื่อว่ากฎเหล็กของนักลงทุนข้อนี้สามารถเอามาปรับใช้กับนักธุรกิจได้เหมือนกันค่ะ



     Credit:Pixabay


และทาร่าก็เชื่อว่าเหตุผลที่หลายคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นไม่ได้มีแค่ ‘เงิน’ เท่านั้น แต่เราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเวลาให้คนที่เรารัก มีเวลาดูแลสุขภาพ และมีเวลาหาความสุขให้ตัวเองด้วย ทาร่าหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างนะคะ 🥳


🌈 ทาร่ายังมีอีกเทคนิคดีๆ ที่อยากจะแบ่งปันกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ 👉 Vision Board คือการเอารูปที่เราอยากได้ อยากมี อยากเป็น มาวางไว้ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ในทุกวัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการตัดแปะยังไงให้ได้ผล คือการตกตะกอนความคิดของเราให้ออกมาเป็นภาพที่ชัดเจนต่างหาก หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิต ว่าตกลงแล้วคุณต้องการเงิน หรือความมั่งคง มั่งคั่ง หรือแค่อิสรภาพในการใช้ชีวิตโดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องเงินกันแน่??? เมื่อเป้าหมายถูกแล้ว เดี๋ยวเส้นทางมันก็มาเองล่ะค่ะ และนี่คือความมหัศจรรย์ของ Vision Board ที่ทาร่าอยากให้ทุกคนได้รู้จัก 💖💖💖



📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow





'พลังการขอ' วิจัยมาแล้วว่า 93% มนุษย์ยอมให้แซงคิว

มนุษย์ทุกคนถูกเทรนมาตั้งแต่เด็ก 👉 ให้เป็นมนุษย์รับคำสั่ง 👈 เฮ้ยยยย จริงดิ ทาร่าได้ยินเรื่องนี้มาจาก Kerwin Rae โค้ชธุรกิจชื่อดังที่ออสเตรเลียนี่เองค่ะ



Kerwin ได้เล่าเล่าเรื่อง Power of Asking ไว้ว่า มีการทดลองนึงที่จัดทำขึ้นที่ประเทศอเมริกา การทดลองนี้น่าสนใจมาก และสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างของความเป็นมนุษย์เลยค่ะ



🌈 โจทย์คือเค้าอยากรู้ว่า ถ้าเราอยากได้อะไร แล้วเราแค่ถามออกไป คนอื่นจะตอบเรายังไง?? 


🌈 วิธีการทดลอง คือ ส่งคนไปขอแซงคิวถ่ายเอกสาร ตอนพักเที่ยง ในห้องสมุดค่ะ เพราะในสมัยนั้นเครื่องถ่ายเอกสารเป็นสิ่งป๊อปปูล่ามาก นักศึกษาจำนวนมากจะต้องต่อแถวเพื่อเข้าคิวถ่ายเอกสารตอนช่วงพักกลางวัน


Credit : fun-japan.jp

โดยมี script 3 แบบที่ใช้ในการทดลอง เพื่อดูว่า… การขอแบบไหนที่จะมีโอกาสได้แซงคิวมากที่สุด?? และผลการทดลองออกมาแบบนี้ค่ะ 👇



🤓 แบบที่ 1 ขอเฉยๆ เช่น ขอโทษนะคะ ฉันขอถ่ายเอกสารก่อนได้ไหมคะ ของฉันมีแค่ 5 หน้าเอง 👉 และผลที่ออกมา คือ 60% ของคนที่ถูกถาม ยอมให้แซงคิวได้!! เฮ้ยย ถ้ามีคนข้างหน้าเรา 10 คน นี่เราก็แซงได้ 6 คนละนะ แค่ขอเราขอเฉยๆ นะ



🤓 แบบที่ 2 ขอและให้เหตุผลจริงๆ ไปด้วย เช่น ฉันขอถ่ายก่อนได้มั้ยคะ อีก 15 นาทีก็ต้องไปเรียนแล้ว และต้องใช้เอกสารนี้ในคลาสนี้ด้วยอ่ะค่ะ 👉 สิ่งที่เกิดขึ้น คือ 94% ของคนยอมให้แซงคิวได้ค่ะ 



🤓 แบบที่ 3 (อันนี้ทาร่าว่าน่าสนใจที่สุด) คือ ขอและให้เหตุผลมั่วๆ อะไรไปก็ได้ และมีคำว่า ‘เพราะ’ เช่น ขอถ่ายเอกสารก่อนได้ไหมคะ เพราะฉันต้องถ่ายเอกสารนี่จริงๆ ค่ะ (เอ่อ ข้างหลังเพราะมันเป็นเหตุผลตรงไหน 😅)  👉 แต่ผลที่ออกมาก็อิหยังวะพอๆ กับประโยคที่เอามาใช้ในการทดลอง คือ 93% ของคนที่ถูกขอ อนุญาตให้แซงคิวค่ะ (อิหยังวะมั้ยล่ะ)



Kerwin Rae ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงการทดลองนี้ว่า มนุษย์เราทุกคนถูกเทรนมาตั้งแต่เด็กให้เป็นมนุษย์รับคำสั่งค่ะ จำตอนที่เราเป็นเด็กได้ไหมคะ?? ตารางกิจวัตรประจำวันทั้งวันของเรา ตั้งแต่เช้ายันเย็นก็มาจาก ‘บุคคลภายนอก’ ทั้งนั้น ตั้งแต่เวลาตื่น ไปโรงเรียน ต้องเรียนอะไร ต้องกินอะไรในแต่ละวัน ต้องนอนกี่โมง ไปร้านอาหารก็ต้องกินเมนูแนะนำ และอื่นๆ อีกมากมายที่เราเองก็ยินยอมพร้อมใจที่จะทำตาม โดยที่ไม่เคยแม้แต่จะตั้งคำถาม


ไม่สิ โตมาเราก็ไม่เอะใจที่จะตั้งคำถามแล้ว แต่ตอนเป็นเด็ก ทุกคนน่าจะเคยสงสัย ถาม และได้รับคำตอบกลับมาแบบเดียวกันจนชินแล้ว ไม่ว่าจะเป็น


  • แม่บอกให้กิน หนูก็ต้องกินนะคะ

  • เด็กดีต้องเชื่อฟังพ่อแม่ (จึ้ก!)

  • เค้าว่ากันว่าบลาๆๆๆ


คนส่วนใหญ่รู้สึกคุ้นชินกับการมีคนมาบอกว่าเราต้องทำอะไร หรือไม่ทำอะไร และ (น่าสนใจ) เรายอมรับคำอธิบายที่มันอิหยังวะมาตั้งแต่เด็ก จนมันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราค่ะ แน่นอนว่าถ้าเรามีสติดีๆ เราอาจจะไม่ตอบแบบนี้ แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เราไม่มีเวลามาตรึกตรองอย่างละเอียดรอบคอบ สัญชาติญาณจะบอกเราให้ “รับคำสั่ง” มาก่อน เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเราถูกเทรนมาตั้งแต่เด็กค่ะ 


🌈 สรุปผลบของการทดลองนี้อีกทีนะคะ


ไม่กล้าขอ = โอกาสได้ 0%


ขอเฉยๆ = โอกาสได้ 60%


ขอพร้อมเหตุผล = โอกาสได้ 91% - 94%


🌈 เมื่อรู้แบบนี้แล้ว…. คุณจะเลือกอะไร??



Credit:Ted

Power Of Asking อีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ที่ทาร่าคิดว่าทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เลยทันที แต่ทาร่าก็ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจมากๆๆๆ อีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนได้รู้จักและลองใช้กันนะคะ 👉 Vision Board คือการที่เรานำภาพความฝันของเรามาติดไว้ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ในทุกวัน เหมือนเป็นการตั้ง GPS ให้รถก่อนออกเดินทาง ที่จะช่วยให้เราไปถึงจุดหมายอย่างแน่นอน และไม่ว่าเราของเราจะออกนอกเส้นทางสักกี่ครั้ง เจ้า GPS อันแสนอัจฉริยะนี้ก็จะหาทาง ‘reroute’ และพาเรากลับสู่จุดหมายเดิมเสมอ เล่มนี้อ่านง่าย จบภายใน 2 ชั่วโมงเลยค่ะ 👇


 📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 


แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow





22 กุมภาพันธ์ 2565

แปลกแต่ลองทำดู เทคนิคลับๆ ขับรถไปทีไหนก็เจอที่จอด

เมื่อเร็วๆนี้ ทาร่าได้เจอผู้ชายคนนึงที่เป็นแฟนใหม่ของเพื่อน เค้าชอบศึกษาเรื่องกฎแรงดึงดูด NLP Self Development คล้ายๆ กับทาร่านี่แหละค่ะ เราเลยคุยกันถูกคอ เมาท์กันเพลินเลย และเค้าได้เล่าให้ฟังถึงเทคนิคอันนึงที่เค้าใช้บ่อยๆ เวลาอยู่ข้างนอก และทาร่าก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ เลยนำมาแชร์ให้อ่านกันค่ะ 😘


นั่นคือเทคนิคการหาที่จอดรถ ชนิดที่ขับไปที่ไหนก็มีที่จอด ทาร่าได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็คิดว่า ถ้ามันง่ายขนาดนี้ ลองดูซักหน่อยก็ดีนะ



เค้าเล่าให้ฟังว่ามันเป็นเทคนิคที่ชื่อว่า Alpha Mind Power ที่เค้าเรียนมาจาก Paul Blackburn อีกที


 Credit : Pixabay


🌈 ถ้าเมื่อไหร่ที่ยูอยากได้ที่จอดรถ ให้ยูเอานิ้วชี้ กับ นิ้วโป้ง 2 ข้าง มาติดกันแล้ว (ทำทั้งสองข้างเลยค่ะ - ซ้าย ขวา) แล้วก็บอกจักรวาลว่า "ขอที่จอดรถที่ดีที่สุดให้ฉันด้วย" แล้วยูจะได้ 😎



ทาร่าเคยเล่าไว้ในคลิปนี้ค่ะ





“เชื่อผม ผมทำแบบนี้เป็นประจำ ทำทุกครั้ง ทุกที่ ทุกเวลา ทุกประเทศ และได้ผลลัพธ์ทุกครั้ง คือมีที่จอด” พูดแล้วยิ้ม แถมยังบอกอีกว่าเค้าแชร์เทคนิคนี้ให้เพื่อนๆ คนอื่นก็ใช้เทคนิคนี้ได้ผลเหมือนกัน เพื่อนผมแปลกใจมาก เซอร์ไพรส์กันสุดๆ 



“เพื่อนผมขับรถไปแถวที่มีคนพลุกพล่านมาก คิดว่าไม่มีที่จอดรถแน่ๆ แล้วเพื่อนผมก็ลองทำตามวิธีของผมดู เค้าก็เอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาติดกัน พูดบอกกับจักรวาลว่าขอที่จอดรถที่ดีที่สุด แล้วโทรมาขอบคุณใหญ่เลยว่า เฮ้ยยย ขอบใจมากๆ ที่บอกเทคนิคนี้กับเรา เรางงว่ามันจะเป็นไปได้ไง แต่กลับได้ซะงั้น"


 Credit : Pixabay

ทาร่าเองก็เคยลองเอาไปใช้เหมือนกันค่ะ (จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เทคนิคในคลังแสงแม่เยอะเหลือเกิน 😅) วันนั้นทาราออกไปซื้อของกับสามีและบอกเขาว่าให้ขับขึ้นไปตรงทางเข้าห้างเลย ถ้าไม่มีที่จอดก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลงไปซื้อของแล้วยูก็ออกไปวนข้างนอกแล้วค่อยกลับมารับ ฉันซื้อแป๊บเดียวจริงๆ 


แต่เอ๊ะ!! พูดจบแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเราเพิ่งได้ยินเทคนิคนี้มา งั้นก็ขอลองวิชาหน่อยละกัน



ใช้มือทั้งสองข้าง นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ติดกันแล้วบอกจักรวาลว่าขอที่จอดรถที่ดีที่สุดให้ฉันด้วย


และก็เป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งทาร่าแล้วก็สามีได้รู้ว่า ตรงทางเข้าห้าง มันมีที่จอดรถสำหรับคนพิการและคนที่มีเบบี้อยู่ 2 คัน เฮ้ย!! (ลูกสาวนั่งอยู่บนรถด้วย) เข้าข่ายพอดี เราก็เลยได้เข้าไปจอดแบบสวยๆ ตรงทางเข้าห้างเลยค่ะ 🥳



Credit : Pixabay

กรี๊ดดดดดด (ในใจ) ว่าเฮ้ย! มันได้ผลอ่ะ คือเราไม่ต้องเดินไกล นี่มัน Amazing มากเลย ทาร่ากลับมาเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ตื่นเต้น แล้วก็บอกว่ามันประหลาดจริงๆ และมันก็ใช้ได้ผลทุกครั้งเลยด้วย



เรื่องของกฎแรงดึงดูด พลังจักรวาล เป็นเรื่องที่อธิบายยากค่ะ คนที่เชื่อ ที่ใช้เป็น ก็ไม่ค่อยอยากพูดต่อ เพราะคนที่ไม่เชื่อ ไม่เคยลอง อธิบายอะไรไปก็ไร้ค่า ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อให้คนอื่นหัวเราะเอาซะอีก



ส่วนใครที่สนใจเรื่องนี้จริงๆ ทาร่าขอฝากผลงานของทาร่าไว้หน่อยนะคะ รวบรวมมาจากศาสตร์ life coach, NLP และประสบการณ์เพื่อนๆ ที่สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน คัดกรองมาแต่ประเด็นสำคัญๆ และย่อยให้อ่านง่าย จบภายใน 2 ชั่วโมงเลยค่ะ


📙📙📙

 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางอื่นๆ ในการติดตามทาร่า:

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

Youtube: tarathow

IG: tarathow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow