31 พฤษภาคม 2565

คำแนะนำจากขงจื้อ…. จะทำยังไงกับคนขี้เกียจในทีมดี??

ครที่มีธุรกิจส่วนตัว (หรือกำลังวางแผนว่าจะมีธุรกิจส่วนตัว) เรื่องท้าทายที่สุดที่ทุกคนต้องเจอแน่ๆ คือ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เรียกซะเท่ห์ ที่จริงคือ การบริหารพนักงาน หรือ พี่ๆ น้องๆ เพื่อนร่วมงานของเรานี่แหละ มีคนเคยบอกไว้ว่าทำงานกับ AI ที่ว่ายากแล้ว แต่ทำงานกับมนุษย์นี่ยากยิ่งกว่า

Credit: Pixabay 

เรื่องที่ทาร่าจะเล่าต่อไปนี้ ให้ตัดคุณสมบัติอื่นๆ ของทีมงานเราออกไปก่อนนะคะ ขอให้เหลือไว้แค่ (1) ขยันหรือขี้เกียจ กับ (2) ฉลาดหรือไม่ฉลาด ให้เราจัดวางตำแหน่งไว้ตามนี้ค่ะ


  1. ขยัน + ฉลาด: คนกลุ่มนี้เหมาะที่จะเป็นผู้บริหารระดับกลาง เพราะเค้ามีความมุ่งมั่น อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เจอปัญหาอะไรก็พร้อมที่จะฝ่าฟันออกไป เป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และก็สามารถรับคำสั่ง ช่วยคิด ช่วยกำหนดทิศทางบริษัทกับผู้นำระดับบนได้เป็นอย่างดี

  2. ขี้เกียจ + ไม่ฉลาด: คนกลุ่มนี้เหมาะที่จะเป็นพนักงานระดับล่างที่มีหัวหน้ากำหนดกรอบงานไว้ให้ บอกให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ทำเกิน แต่ก็ไม่คิดที่จะหาทางลัด cut corner ใดๆ ตราบใดที่ตกลงค่าตอบแทนกันได้ คนกลุ่มนี้จะไม่สร้างปัญหาให้เราค่ะ

  3. ขี้เกียจ + ฉลาด: เอาไว้เป็นหัวหน้าระดับสูงเลยค่ะ แต่ถ้าเจอใครที่ขี้เกียจแล้วฉลาด พยายามมองหาตัวช่วย มองหาทางลัดในการทำงานนี่รีบเชิญมาเป็นหัวหน้าระดับสูงเลยค่ะ เพราะคนแบบนี้นี่แหละที่จะพาทั้งองค์กรไปทางลัดด้วยกันได้

  4. ขยัน + ไม่ฉลาด: คนแบบนี้ไม่ควรจะอยู่ในองค์กรเราเลยค่ะ เพราะจะขยันหาแต่เรื่อง แทนที่องค์กรจะไปข้างหน้า กลับต้องคอยมาแก้ปัญหาที่คนกลุ่มนี้สร้างไว้ให้ (ถ้าเป็นสงครามก็อย่าพาไปด้วย ส่วนจะให้เค้าอยู่ทำอะไรก็อีกเรื่องเนอะ)


    Credit: Pixabay 


พอได้อ่านแบบนี้แล้วเห็นมั้ยคะว่าการที่เรามีคนขี้เกียจอยู่ในทีม บางทีมันก็ไม่ได้เลวร้ายเลยซะทีเดียว แถมอาจจะเป็นประโยชน์ต่อทีมได้ด้วย เพียงแต่เราต้องมอบหมายโจทย์ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และตำแหน่งที่เหมาะสมให้เค้าเท่านั้นเอง


เรื่องนี้ทาร่าเองก็มีตัวอย่างจากเพื่อนที่โคตรจะขี้เกียจของทาร่าเองด้วยค่ะ เค้าทำงานในตลาดแลกเงินค่ะ มีหน้าที่ดูแลการแลกเปลี่ยนให้ลุล่วงไปด้วยดี แฮปปี้ทั้งคนซื้อและคนขาย แล้วเค้าทำยังไงรู้มั้ยคะ?? เค้าไปจ้างคนที่อียิปต์ให้เขียนBotมาเฝ้าแทนเค้าอีกที แล้วตัวเองก็นั่งเล่นมือถือไป เวลาBotร้องค่อยหันไปแก้ปัญหาเป็นเคสๆ ไป เฮ้ยย!!! มันเจ๋งมากกก เจ้านายเค้าก็รู้ แต่ไม่ว่าอะไร บอกว่าตราบใดที่งานออกมาโอเค เจ้านายก็โอเคเลย และวันที่เค้าออกไปBotตัวนี้ต้องตกเป็นสมบัติของบริษัทนะ แล้วก็เป็นไปตามคาดค่ะ มีคนจากบริษัทอื่นมาซื้อตัวไปวางระบบแบบนี้ให้บ้าง ให้ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ไปเลยจ้าาาา !!!


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow


ฮาวทูสำเร็จได้ (จริงๆ) สไตล์คนขี้เกียจ

เล่มนี้คือหนังสือในดวงใจตลอดกาลของทาร่าเลยค่ะ “สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ” ของ Naoyuki Honda (นะโอะยุกิ ฮนดะ) เล่มนี้ดีมากกกกก เหมาะกับคนขี้เกียจมากๆ ใครที่ขยันคุณจะอ่านเรื่องนี้ไม่เข้าใจ แต่ถ้าใครที่เกิดมาเป็นคนขี้เกียจเหมือนกัน คุณมีทาร่าเป็นเพื่อนแล้วหนึ่ง 😁


ย้อนไปตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อยหอยสังข์ ทาร่าก็รู้ตัวมาตลอดค่ะว่าเราเป็นคนขี้เกียจ แต่ด้วยค่านิยมและความรู้ของเรายังไม่เ่พียงพอ เราเลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่นค่ะ เราพยายามจะเป็นคนขยัน ทั้งๆ ที่มันฝืนตัวเองมากๆ จนกระทั่งมาเจอหนังสือเล่มนี้.. โอ้โห!! ปลดล็อกชีวิตมากกกกกกกก


ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า… คนขยันที่ประสบความสำเร็จก็มี คนขยันที่ล้มเหลวก็มี คนขี้เกียจที่ประสบความสำเร็จก็มี และคนขี้เกียจที่ล้มเหลวก็มี 


(ทาร่าเชื่อว่าในชีวิตเราทุกคนต้องเคยเจออย่างน้อยหนึ่งคนที่ขยันโคตรๆ ขยันแบบวัวควายตายล้ม แต่สุดท้ายแล้วเค้าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี - ช่างน่าเศร้า แต่ก็หวังว่าจะทำให้คนที่อ่านอยู่เอะใจอะไรขึ้นมาบ้าง)


Credit:Pixabay 


เพราะฉะนั้น!!! ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ขยันหรือขี้เกียจแล้วแหละ 


แต่มันอยู่ที่ว่า… ขยันแล้วทำอะไร? ขี้เกียจแล้วเราทำอะไรต่างหากล่ะ?? 


ขี้เกียจเดินแล้วเราจะยืนอยู่กับที่ หรือเราจะหาช้างม้าวัวควายมาพาเราไป หรือเราจะสร้างรถ สร้างเครื่องบินขึ้นมา?? ขี้เกียจทำงานแล้วเราจะยอมรับกับโชคชะตาและความจน หรือจะหาทางสร้างเครื่องผลิตเงินขึ้นมา?? เรียนรู้วิธีหาเงินโดยที่ไม่ต้องทำงานเอง?? 


ขี้เกียจไปทางตรงก็หาทางลัด… ขี้เกียจออกแรงก็หาเครื่องทุ่นแรง… แบบนี้เราก็ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้คนขยันเลย แถมยังเหนื่อยน้อยกว่าด้วย 🥳


Key Success ของคนขี้เกียจ คือ ความรู้ค่ะ!!! 


จะด้วยวิธีอะไรก็ตาม แต่เราต้องมีความรู้มากกว่าคนขยัน เราถึงจะประสบความสำเร็จเท่าเค้าได้


Credit:Naiin 


หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตทาร่าไปเลยค่ะ ตั้งแต่อ่านจบนี่เลิกแอ๊บขยัน หันมาขี้เกียจอย่างเต็มศักยภาพ ขี้เกียจทุกทางเท่าที่จะทำได้เลยค่ะ พอร์ตบ้าน พอร์ตหุ้น พอร์ตงานลิขสิทธิ์ อะไรฟาดได้ ฟาดมาให้หมดเลยค่ะ


แถมยังเอาวิถีของคนขี้เกียจไปใช้ในธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองด้วย ขี้เกียจตอบยาวๆ ทำ sale clip ไว้เลยค่ะ ลูกค้าทักมาปุ๊บ ส่งลิงก์ในยูทูปไปปั๊บ แค่ 1.08 นาที ดูจบแล้วเราค่อยคุยกันต่อนะคะ 😉


ขี้เกียจถาม ตอบ รับ เงิน ส่งไฟล์ เหรอ?? ทำ online shop ให้เค้าจ่ายเอง โหลดเองด้วยเลย


ขี้เกียจทำบัญชีก็ไปซื้อ software สำเร็จรูปมา 


พอมีเงินหน่อย ขี้เกียจทำเอง ก็จ้างเด็กจบใหม่มาทำแทนค่ะ 


ทุกวันนี้ชีวิตดีงามได้ต้องขอบคุณความขี้เกียจใน DNA ตัวเองเลยค่ะ


ทาร่าอยากแชร์เรื่องนี้กับเพื่อนๆ มากๆๆๆๆ ใครที่ขี้เกียจเหมือนกัน ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ พวกเราก็สำเร็จได้ไม่แพ้คนขยันค่ะ 🤗 


ทาร่าเองก็กำลังเดินตามแนวทางของคนขี้เกียจ (ที่อยากประสบความสำเร็จ) อยู่เหมือนกัน สู้ๆ ไปด้วยกันนะคะคนขี้เกียจทั้งหลาย ✌️


อ่อ ในฐานะของคนที่เกียจมาก่อน และขี้เกียจมานานแล้ว ทาร่าเองก็ได้อ่าน ได้เรียนมาเยอะแยะหลายศาสตร์ และมีเครื่องมือนึงที่คิดว่าคนขี้เกียจทุกคนควรรู้เลยค่ะ มันชื่อว่า Vision Board คือการตกผลึกความฝันของเราออกมาให้เป็นรูปภาพ ที่หากเราทำอย่างถูกวิธี ปิ๊ง!!! ภาพในฝันมันจะเปลี่ยนมาเป็นความจริงได้อย่างมหัศจรรย์มากๆ เลยค่ะ ใครยังไม่รู้จักเครื่องมือชนิดนี้ เชิญตำค่ะ 👇


“Power of Vision Board: เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ by Tara Thow”


แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl


E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0


E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow

Mk

จัดเวลาตามแบบนักวิทยาศาสตร์สมอง

สิ่งที่ทุกคนบนโลกนี้มีเท่ากัน และใช้ไม่เหมือนกันมาตลอด คือ เวลา ใช่แล้ว ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก เดินไปตลอดไม่มีหยุดหมุน และไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เจ้าเวลานั่นเอง ตอนสมัยเรียนทำไมไม่มีใครสอน หลักสูตรบริหารเวลาบ้าง ถ้ามีคุณครูสอนเราอาจใช้เวลามีคุณค่ามากกว่าที่เราใช้ทุกวันนี้ก็ได้ (แต่ไม่เป็นไรนะคะ ต่อให้คุณครูไม่สอน แต่ถ้าใครติดตาม ทาร่า รับรองว่าคุณคุ้มค่า คุ้มเวลาแน่ๆ เรียนเชิญแอ๊ดไลน์ @tarathow ไว้เลยนะคะ 😄)


กลับมาเรื่องการบริหารเวลาค่ะ ใครที่เป็นสายพัฒนาตัวเอง คุณน่าจะผ่านตามาแล้วหลายสูตร ทั้งการจัดเวลาสไตล์นักธุรกิจ สไตล์เซนแบบญี่ปุ่น หรือจัดเวลาแบบ Highly Effective People (แบบคนมีประสิทธิภาพมากมาย) อะไรก็ว่าไป 


Credit:Pixabay 

วันนี้ทาร่ามีอีก 1 สูตรมานำเสนอค่ะ สูตรนี้ทาร่าได้ยินมาจาก Podcast ของ Dr. Andrew Huberman เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางด้านสมองที่นำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์แบบยาก ๆ มาย่อยให้คนปกติแบบพวกเราสามารถเข้าใจได้ ดีงามมาก ๆ ค่ะ


และมีเรื่องนึงที่ทาร่านำมาปรับใช้แล้วรู้สึกว่า เอ้ยยย ดีงาม ดาวล้านดวง จนอยากเอามาแชร์ต่อ แต่ก็จะเล่าได้ไม่ละเอียดเท่ากับ Dr. Andrew นะคะ แต่เอาเป็นว่า… แสงเหมือนกัน แต่ถ้าต่างเวลากันมันก็จะมีค่า X ค่า Y ไม่เท่ากัน แดดตอนเช้าก็ไม่เหมือนแดดตอนเที่ยง แดดตอนเที่ยงก็ไม่เหมือนแดดตอนเย็น ไหนจะมีทั้งแสงสีแดง สีขาว สีฟ้าใดๆ ล้วนแล้วแต่ส่งผลที่ต่างกันกับคลื่นสมองของมนุษย์เรา


เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เจ้าคลื่นสมองเราเองก็ทำงานไม่เหมือนกันทั้งวันอีก เอาแค่เวลานอนที่เราคิดว่าเหมือน ๆ กัน แต่ถ้าใครใส่ fitbit หรือ apple watch ก็จะเห็นว่ามันไม่เหมือนกัน เรามีช่วงหลับลึก หลับตื้น และมันเป็นรอบๆ ของมันทุกชั่วโมง ทุกหลายชั่วโมง และทุกวันอีก คือมันซับซ้อนถึงขนาดที่ว่า.. ตอนที่เราหลับ แต่สมองเราก็ยังตื่นอยู่ไปโน่นนน


Credit:ngsp



และเมื่อเราเอาองค์ประกอบทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่างมารวมเข้าด้วยกัน ตั้งแต่คลื่นสมอง สารเคมีในสมอง ฮอร์โมนต่างๆ ปริมาณแสงแดดในธรรมชาติ แสงแดดในห้องเราแสงฟ้า แสงไม่ฟ้า แสงจอมือถือ

แสงไฟต่าง ๆ แล้ว นี่คือวิธีจัดตารางชีวิตของ Dr. Andrew ค่ะ


หมายเหตุ: Dr.Andrew เค้าบอกว่าสูตรนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน แต่นี่เป็นสูตรที่เค้าใช้อยู่ และเค้าก็อยากแชร์ในฐานะนักวิทยาศาสตร์สมอง 


ตอนเช้า: ทำงานที่ต้องใช้ตรรกะ ความคิด ใช้การตัดสินใจ ต้องมีเหตุผล

ตอนเย็น: ทำงานที่ต้องใช้จินตนาการ ใช้อารมณ์ศิลป์ ต้องมโน ต้องวาดภาพ สร้างฝัน


ส่วนงานอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้ทั้งสมองและจินตนาการ เช่น ตอบอีเมล์ ส่งของ ทำกับข้าว ซักผ้า ล้างจาน กรอกเอกสาร ซื้อของเข้าบ้าน จองวัคซีน แบบนี้ให้เก็บไว้ทำตอนกลางวันค่ะ เพราะช่วงกลางวันเป็นช่วงที่เรามีสมาธิน้อยที่สุดแล้ว ถ้าบางคนจะง่วง จะเบื่อ หรือจะต้องนอนกลางวันด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะร่างกายของเรามันถูกออกแบบมาให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว


และนี่ก็เป็นวิธีการจัดเวลาตามสไตล์นักวิทยาศาสตร์สมอง Dr.Andrew Huberman ที่ทาร่าชอบมากๆ


ใครลองนำไปใช้แล้ว ได้ผลยังไงแวะมาเมาท์มอยกันได้น้า 😘




💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow



ใครที่กำลังมีปัญหา ได้เวลาฉลองแล้ว 🎉🎉🎉

มนุษย์เราเกิดมาพร้อมสัญชาติญาณในการอยู่รอดค่ะ อะไรที่เราเคยทำมาแล้วไม่ทำให้เราตาย เราจะอยากทำมันซ้ำ ๆ และเราเรียกมันว่า Comfort Zone 

สาเหตุที่ใครหลาย ๆ คนยินดีที่จะอยู่ในความสัมพันธ์บูด ๆ เบี้ยว ๆ ต่อไปก็เพราะพวกเค้าไม่รู้ว่าถ้าเลิกกับคนนี้ไปแล้วจะได้เจอกับคนใหม่ที่ดีกว่า หรือถ้าจะไม่ได้เจอใครอีกเลยไปตลอดชีวิต มันจะเป็นอย่างไง??  มันเป็นพื้นที่ของความไม่รู้ ความไม่แน่นอน มันอาจจะดีขึ้น แต่มันก็อาจจะเลวร้ายลงด้วยได้เหมือนกัน.. แต่ถ้าเราอยู่ในความสัมพันธ์เดิมนี่ เรารู้แน่ๆ ว่าชีวิตเราจะเจออะไร และอะไรก็ตามที่เราเจอ มันไม่ทำให้เราตาย… สัญชาติญาณดิบของมนุษย์จะบอกให้เราปรับตัวค่ะ

Credit : Pixabay 

มีหลาย ๆ ครั้งที่คนนอกทุกคนรู้ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง…  เพิ่งจบมามีงานทำก็ดีแล้ว อย่าไปหวังอะไรเยอะเลย ถ้าแกไม่ทำงานนี้ แกจะทำอะไร?? พื้นที่ข้างนอก Comfort Zone มันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มันน่ากลัวสำหรับสัญชาติญาณมนุษย์ แต่มันก็เป็นทางเดียวที่เราจะเติบโต!!


ชีวิตนี้มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ เกิดมาสวยเท่านี้ก็ดีอยู่แล้ว ทำงานแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว เงินเดือนเท่านี้ก็ดีอยู่แล้ว… ถ้าทุกอย่างในชีวิตมันจะดีไปหมด นี่มันอาจจะไม่ได้มีผลจากปัจจัยภายนอกแล้วแหละ แต่มันน่าจะมาจากปัจจัยภายใน ที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ใน Comfort Zone ของตัวเองอยู่ อะไรที่ไม่รู้ก็อย่าไปเสี่ยงเลย อยู่ในนี้ต่อดีกว่า


ตรงข้ามกับคนที่มีปัญหาค่ะ!!!


คนที่มีปัญหาแปลได้อีกอย่างคือคนที่มีจิตวิญญาณอยู่ที่นึง แต่ร่างกายยังอยู่อีกที่นึง เช่น ชั้นอยากมีคู่ชีวิตที่ดีคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ตอนนี้เรายังคุยกันไม่ได้ทุกเรื่อง แบบนี้มันถึงกลายเป็นปัญหา


ปัญหาเกิดจากการตระหนักรู้ หรือ self aware ในความต้องการของตัวเองและยืนหยัดเพื่อที่จะได้มันมา


เราอยากเป็นมนุษย์เงินล้าน แต่ทุกวันนี้เรายังเป็นมนุษย์เงินร้อย เราไม่โอเค แค่นี้ก็เป็นปัญหาแล้ว!! (ถ้าเราทำใจให้รับกับสภาพมนุษย์เงินร้อยได้ เรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหาเลย จริงมั้ยคะ?)


เพราะฉะนั้นถ้าใครกำลังมีปัญหา รู้สึกว่าอะไร ๆ มันยังไม่ได้ดั่งใจ เราคู่ควรกับอะไรที่ดีกว่านี้สิ!! ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ คุณมาถูกทางแล้ว 


เรือที่ปลอดภัยที่สุดคือเรือที่ไม่ได้ออกจากฝั่งยังไง ชีวิตที่ไม่มีปัญหาก็คือชีวิตที่ยังใช้ไม่เต็มที่เหมือนกันค่ะ


Credit:Pixabay 


แต่สุดท้ายแล้ว… เรือก็ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อจอดที่ฝั่ง และชีวิตเราก็ไม่ได้มีไว้ใช้แค่ใน Comfort Zone 


ถ้ามีนาทีที่คุณไม่โอเค เนี่ยคือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลย!! เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ คุณมาถูกทางแล้ว คุณเจ๋งมาก ทาร่าขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้คุณเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง จริง ๆ แล้วคุณรู้อยู่แล้วแหละ ว่าควรจะทำอะไร คุณอาจไม่รู้ชัดเจนว่าขั้นตอนจริง ๆ มันเป็นยังไง แต่ก็พอจะเดาได้ว่าจริง ๆ แล้ว คุณอยากจะไปไหน คุณเป็นใคร คุณมีศักยภาพขนาดไหน แล้วคุณต้องทำอะไรบ้าง 

ถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทาร่าอยากแนะนำให้ฟังเสียงหัวใจตัวเองและกล้าที่จะทำตามเสียงเล็กๆ ที่อยู่ในหัวของตัวเองนะคะ

นักเขียนชื่อดัง Mark Twain เคยบอกว่า ถ้าจากวันนี้ไปอีก 20 ปี แล้วเรามองย้อนกลับมา มันจะมีเรื่อง อะไรที่เราเสียดายเพราะเราไม่ได้ทำ เยอะกว่าเรื่องที่เราเสียดายเพราะเราได้ทำลงไป เพราะฉะนั้นเอาเรือของเราออกไปผจญ ทะเล พายุ และใช้ชีวิตเราให้เต็มที่กันค่ะ 😎



💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow


คิดบวกทุกวันทำไมชีวิตไม่ดีขึ้น หนูพลาดอะไรปายยยยย

คำถาม: เสพเรื่องคิดบวกมาตลอดชีวิต แต่ยังรู้สึกมันไม่ใช่ หรือเราทำอะไรผิด เราคิดบวกทุกวันแต่ทำไมเราไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เหมือนชีวิตเรายังไม่ไปไหน ควรทำอะไรแตกต่างไปจากนี้หรือเปล่าคะ 


(ไหว้ย่ออย่างนางงาม และขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ)


อ่านจบแล้วทาร่าคิดถึงเรื่องเล่าของโค้ชท่านนึงเลยค่ะ นางก็เป็นมนุษย์แม่เหมือนกันและเรื่องที่นางเล่าก็เกี่ยวกับการดึงศักยภาพให้ลูกน้อยหอยสังข์ โดยการพาไปเตะบอล แต่น้องเป็นเด็กที่ไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรง ตัวก็เล็ก วิ่งก็ช้า ดูยังไงก็เป็นจุดอ่อนของทีมชัด ๆ


คุณแม่เล่าว่า แต่เราถูกสอนมาให้คิดบวกไง!!! เราต้องอย่ามองในแง่ร้าย เราต้องคิดบวกเข้าไว้ ทุกครั้งที่ ลูกกลับมาด้วยใบหน้าอ่อนล้าอ่อนแรง หน้าที่ของแม่คือให้กำลังใจสิคะ ยัดเยียดความคิดบวกกลับไปให้ลูก… ความจริงมีตั้ง 360 องศา เราก็สรรหาไปสิว่ามีองศาไหนบ้างที่จะงัดออกมาชื่นชมลูกได้บ้าง


Credit : Unsplash 

“ลูกเก่งมากเลย ดูซิวันนี้วิ่งเร็วกว่าเมื่อวานอีกนะ”


“หู้ย ลูกอย่าเทียบ กับคนอื่น จำไว้นะเราอย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น ลูกต้องคิดถึงวันแรกที่เธอมาเตะบอล เห็นไหมทุกวันนี้เธอพัฒนามาไกลมากแล้ว อดทน ไม่ท้อเลย”


“ถึงลูกจะตัวเล็กกว่าคนอื่น แต่แม่เชื่อว่าการฝึกซ้อม ความอดทน และวินัยจะทำให้ลูกตามเพื่อน ๆ ได้ทันแน่นอน”


คุณพ่อเองก็สายคิดบวกเหมือนกัน ก็ส่งเสริมตลอดไม่เคยมีซักครั้งที่จะพูดจาให้ลูกหมดกำลังใจ


แต่ความจริงก็คือความจริงค่ะ


และความจริงก็คือ น้องเค้าห่วยมาก!! เกิดมาไม่มีพรสวรรค์ซะจนชนิดที่พรแสวงก็ช่วยไม่ได้


จนพ่อกับแม่เองก็ทนไม่ได้ และหันมามองหน้ากัน


แม่: ฉันว่าลูกเราห่วยอ่ะ


พ่อ: มากด้วย


และทั้งคู่ก็เห็นตรงกันว่า เด็กน้อยตรงหน้านั้นเก่งเกินกว่าที่จะมาเสียเวลากับลูกกลม ๆ บ้า ๆ นี่ 


“พวกเราพาเค้าออกไปหาพรสวรรค์ที่แท้จริงกันดีกว่า”


วันรุ่งขึ้นแม่ตัดสินใจยกเลิกคลาสฟุตบอล แล้วก็สมัครคลาสเรียนศิลปะให้ลูกชาย 


ทุกคนคะ 


สิ่งที่เกิดขึ้น คือ พ่อแม่คู่นี้ได้ค้นพบว่าลูกชายพวกเขาวาดรูปเก่งมาก มีสมาธิสุดๆ นั่งวาดรูปได้เป็นชั่วโมง เข้าชั้นเรียนไม่กี่ครั้งแต่ออร่าความเก่งเปร่งประกายมาก




น้องมีพรสวรรค์ด้านศิลปะอย่างแท้จริงจนไม่ต้องพยายาม ไม่ต้อง (ฝืน) คิดบวกแล้ว 


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…… บางทีการคิดบวกกับการหลอกตัวเองมันก็ห่างกันแค่เส้นกั้นบาง ๆ การคิดบวกที่ดีจะต้องทำให้ชีวิตเราดีขึ้นค่ะ แต่ถ้าคิดบวกแล้วชีวิตยังมืดมนป่นปี้ อาจจะเป็นไปได้ว่า คุณไม่ได้กำลังคิดบวกอยู่หรอก แต่คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่มากกว่า!!!


ถ้าเราคิดบวกอย่างถูกวิธี ชีวิตเราจะต้องไปข้างหน้าเราต้องมองเห็นทางสว่างในชีวิต เราต้องรู้สึกมีพลังงาน มี Passion , Motivation , แรงบันดาลใจ , ความหลงใหล กับสิ่งที่เราทำ สำคัญที่สุดคือ ชีวิตเราต้องไปข้างหน้าค่ะ


ใครที่คิดบวกอยู่ทุกวี่ทุกวันแล้วยังรู้สึกว่าชีวิตไม่ไปไหน ยังไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ทาร่าคิดว่าคุณอาจจะต้องลองกลับมาคิดบวกจริงๆ แบบไม่หลอกตัวเอง และไม่ให้กำลังใจ ตบหลัง ปลอบใจตัวเองไปวันๆ ลองเอาไอเดียของโค้ชคุณแม่ท่านนี้ไปปรับใช้ดูนะคะ 



💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞



ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘



Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow



IG: tarathow



Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow



Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow



Blockdit 2: จุด by Tara Thow



Blogspot: tarathow.blogspot.com



Tiktok: @tarathow



Line: @tarathow

คำถามโลกแตก ทำยังไงถึงจะหาตัวเองเจอ

1 คำถามโลกแตกว่าชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่ออะไร เป็นคำถามที่ทาร่าเชื่อว่าทุกยุค ทุกสมัย ต้องมีคนถามเรื่องนี้ หลาย ๆ ศาสนาต่างออกมาให้คำตอบ นักปรัชญาก็ต่างออกมาตอบคำถามนี้ แต่ทาร่าคิดว่าบางที ’คำตอบ’ ไม่สำคัญเท่า ‘คำถาม’


เราเกิดมาเพื่ออะไร อาจจะไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่เชื่อไหมคะ ว่ามันเชื่อมโยงกับสิ่งที่ว่า เราเกิดมาแล้ว เราจะหาตัวเองเจอยังไง เพราะเมื่อเราหาตัวตนเจอ เราจะเดินไปตามตัวเองได้ถูกทาง เราทำอะไรเก่ง เรามี passion อะไร


Credit : Unsplash 


คำถาม Classic มาก แต่คำตอบมีต่างออกไป 


แถมคำถามนี้บางคนถามกันตั้งแต่เด็กยันแก่ ทุกวัยตั้งแต่ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกลาง

บางคนทำงานไปจนเกษียณแล้ว 50 60 70 ยังหาตัวเองไม่เจอ


ถามว่าทาร่ารู้ได้ยังไง เพราะทาร่าเองก็เป็นคนนึงที่พยายามตามหาคำตอบนี้ให้ตัวเอง ผ่านหลายคอร์ส หลายกระทู้ และก็ยังไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้เจอรึยัง


แต่มีคำตอบนึงที่ทาร่าชอบและอยากเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เป็นคำตอบจาก Kerwin Rae (โค้ชธุรกิจ) เบอร์ต้น ๆ ของประเทศออสเตรเลียค่ะ ในสัมมนาของเขาได้แชร์วิธีที่เราจะหาตัวเองให้เจอ มันก็มีแค่ 2 อย่าง คือ


1. เราเกิดมาแล้วก็รู้เลยว่าเราชอบอะไร เราเป็นใคร เราเจอเลยเหมือนเราทำข้อสอบ มีคำถามขึ้นมา แล้วมี Choice ให้เลือก A B C D E เราอ่านคำถามปุ๊บ แล้วเราดูคำตอบ 5 อัน เราก็เลือกได้เลยว่ามันต้องเป็นอันนี้แน่นอน 


2. แต่ถ้าเราไม่รู้ เราก็ทำยังไงล่ะ?? ถ้าเป็นข้อสอบ เราใช้วิธีอะไรล่ะ ในชีวิตจริง เราก็สามารถใช้วิธีเดียวกันได้ สมมุติว่ามันเป็นข้อสอบแบบที่ทำออนไลน์ พอจิ้มไปแล้วมันก็มีคำตอบเด้งออกมาให้เลยว่าใช่หรือไม่ใช่.. ถ้าไม่ใช่ก็แค่ลองใหม่อีกครั้ง… 


Kerwin Rae


A มั่วมาก งั้นตัดออกไป


E นี่ก็มั่วอีก ตัดออกไปเหมือนกัน


ที่นี้เหลือทางเลือกแค่ 3 อัน เราก็จิ้มเอามาซักอัน B C หรือ D 


ถ้าเราหาตัวเองไม่เจอ เราก็อาจจะเริ่มต้นที่การลองเป็นคนอื่นดูก่อน ง่ายๆ เลยก็ทำตามความฝันของพ่อแม่ ถ้าใช่เลยก็โชคดีไป.. แต่ถ้ายังไม่ใช่ก็ลองดูอย่างอื่นต่อไป เรียนตามเพื่อนไปก็ไม่เสียหาย.. มีไอดอลคนไหน ก็ลองทำตามเค้าไปก่อน… เพื่อดูว่ามันเหมาะกับเรามั้ย 


การที่เราเลือกผิด 4 ครั้ง มันไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว จับจด เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรก็ไม่จริงจังซักอย่าง แต่มันเป็นกระบวนการค้นหาตัวเองและเพิ่มโอกาสที่จะเจออยู่ค่ะ


จากตัวเลือก A B C D E เราโอกาสถูก 20%


ถ้าเคยลอง A ดูแล้วมันไม่ใช่เรา งั้นเหลือ B C D E เราก็มีโอกาสถูกเป็น 33% ถูกมั้ย


ถ้าเหลือ D E ก็ 50-50


และถ้าเราลองทุกอย่างแล้วไม่เจอซักอย่าง ผิดจนไม่เหลืออะไรจะให้ผิดอีกแล้ว แน่นอนว่า… คำตอบต่อไปของเราก็จะต้องถูก 100% เท่านั้น


(ตอนโทมัส เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟเค้าก็ใช้ตรรกะนี้นะ ผมลองผิดจนไม่เหลืออะไรจะให้ผิดอีกแล้ว และเค้าไม่เคยคิดว่าเค้าล้มเหลว 999,999 ครั้ง เค้าแค่คิดว่าเค้ากำลังตัดคำตอบที่ผิดทั้ง 999,999 อันออกไป เพื่อเหลือไว้เพียงข้อเดียว!!!)


โทมัส เอดิสัน ผู้เปลี่ยนโลกให้สว่าง


และเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องที่ Kerwin Rae ได้พูดต่อ คือ บางครั้งคำตอบที่เราเจอแล้ว มันก็อาจจะมีคำตอบอื่นที่ดีกว่านั้นอีกก็ได้ ถ้าเธออายุยังน้อย เธอก็ควรจะเผื่อใจไว้ลองดูตัวเลือกอื่น ๆ ในชีวิตไว้บ้าง


ในวันที่เธอได้กินไอติมช็อกโกแลต เธอก็คิดว่านี่แหละที่สุดแล้ว 


แต่ถ้าเธอไปร้านไหนก็สั่งแต่ไอติมช็อกโกแลตตลอด เธอก็จะไม่มีวันรู้เลยว่าคุกกี้แอนด์ครีมกับสตรอเบอรี่ก็ไม่เลวนะ และในวันที่อากาศร้อนๆ และเราไม่อยากกินอะไรครีม ๆ ไอติมมะนาวมันก็เหมาะมากกว่า


สุดท้ายแล้วคำว่า Passion หรือเป้าหมายชีวิต หรือคำตอบของคำถามที่ว่า เราเกิดมาทำไม มันอาจจะไม่ได้มีแค่คำตอบเดียวก็ได้.. เราอาจจะมี passion ได้หลายๆ อย่าง และ passion ของเราก็อาจจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามช่วงเวลาของชีวิตเรา


ครั้งนึงเราอาจจะหลงใหลคลั่งไคล้กับอะไรมากๆ ถ้าวันนึงเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ก็อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนหรือลองสิ่งใหม่ 


หรือสุดท้ายแล้วเรื่องของ passion อาจจะเป็นคำถามโลกแตกที่เรายังจะต้องถามกันต่อไปเรื่อย ๆ ก็ได้ เกิดวันนึงมีไอติมชาเขียว ไอติมชาไทย ไอติมใบบัวบกออกมา เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบมากกว่าไอติมช็อกโกแลต สตรอเบอรี่ และมะนาว….. ถ้าเรายังไม่ได้ลองมัน???


ทาร่าเป็นคนนึงที่เชื่อว่าโลกนี้กว้างใหญ่มาก มีศาสตร์เยอะแยะ ความรู้อีกเป็นมหาศาล ที่เรายังไม่รู้ ทาร่า ชอบที่จะอ่านนู่น ฟังนี่ ศึกษาในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ สำหรับใครที่ชอบศาสตร์ความรู้แบบกว้างๆ วิชาเป็ด ทั้งการเงิน ธุรกิจ ความรัก สุขภาพ การลงทุน จิตวิญญาณ วิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ สามารถกดติดตามได้ทุกช่องทางเลยนะคะ


ส่วนใครที่อยากไปถึงเป้าหมายง่าย ๆ ออกแบบชีวิตเองได้ในทุกมิติ Vision Board เป็นไอติมช็อกโกแลตของทาร่าเลยค่ะ อยากได้อะไรก็หารูปมาแปะ ๆ ไว้ พอรู้ตัวอีกทีก็หลายเป็นความจริงแล้ว ใครที่ยังไม่เคยชิมไอติมรสนี้ ทาร่าบอกเลยค่ะว่าต้องลอง!!! มันง่ายและดีงามจริง ๆ 😊


“Power of Vision Board: เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ by Tara Thow”


แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl


E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0


E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย



#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞



ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow