30 มิถุนายน 2565

ไม่ต้องเลียนแบบคนสำเร็จ ก็สำเร็จได้ง่ายกว่าด้วย

 ไม่ต้องเลียนแบบคนสำเร็จ ก็สำเร็จได้ง่ายกว่าด้วย

 

เคยคิดมั้ยคะว่า ‘บุคคลที่ประสบความสำเร็จ’ เค้ามีอะไรที่เหมือนกัน?? ความพยายาม ความตั้งใจ ความขยัน ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือรักการเรียนรู้?? แน่นอนว่าไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ละคนก็มีสูตรที่แตกต่างกันไป แต่มีสูตรนึงที่ทาร่าชอบมากๆ เพราะมันฟังดูง่ายและไม่เหนื่อยดี 

 

นั่นก็ คือ สูตรของ Gary Keller ที่เล่าไว้ในหนังสือ The One Thing (มีแปลไทยชื่อ “ได้ทุกสิ่งด้วยสิ่งเดียว”) ตามชื่อหนังสือเลยค่ะ ทำแค่อย่างเดียวพอ!! เอ้ยยยย!! อะไรจะง่ายขนาดน้านนนน ไปรู้จักกับสูตรนี้กันเลยค่ะ

 

หนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจตรงที่ผู้เขียนได้อธิบายไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราไม่ได้มีความสำคัญเท่ากันหมด มีบางอย่างที่สำคัญกว่าอย่างอื่น และถ้าเราทำสิ่งนั้นสำเร็จ งานอย่างอื่นจะง่ายขึ้น หรือบางทีเราอาจไม่ต้องทำงานอย่างอื่นเลยก็ได้

 

Gary Keller ยกทฤษฏีของ Domino Effect มาเล่าต่อ ใช่ค่ะ เจ้า Domino ที่เราเล่นกันตอนเด็กๆ อ่ะค่ะ เคยมีคนทดลองเอา Domino มาตั้งเรียงกัน และดูว่าด้วยการกระดิกแค่ครั้งเดียว เราจะสามารถล้ม Domino ได้กี่ตัว?? และผลการทดลองนี้ก็น่าตื่นเต้นมาก เพราะเมื่อเจ้า Domino ตัวแรกล้ม ตัวที่สองล้ม ตัวที่สามล้มตามๆ กันไป พวกมันสามารถล้มต่อๆ กันไปได้ไกลแบบไม่มีที่สิ้นสุด ในการทดลองนี้เค้าใช้ระยะทางไกลขนาดจากโลกไปดวงจันทร์แล้วกลับมา มันก็ยังไม่หยุดล้มเลยค่ะ โห!!!

 

และถ้าขนาดของ Domino ใหญ่ขึ้นล่ะ?? เค้าก็มีการทดลองไว้ด้วยเหมือนกัน คือการเพิ่มขนาด Domino ขึ้นเรื่อยๆ (ทาร่าจำสัดส่วนที่ชัดเจนไม่ได้ รู้สึกจะอยู่ระหว่าง 20%-50% นี่แหละ) แต่จำสรุปของการทดลองนี้ได้ดีเลยค่ะ ผู้เขียนเล่าไว้ว่า แม้ว่าจะเริ่มต้นจาก Domino ตัวเล็กๆ แต่เมื่อวางพวกมันไว้ติดๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้น Domino ตัวสุดท้ายที่ที่การทดลองนี้ล้มได้สำเร็จมีความสูงเท่ากับหอไอเฟลเลยค่ะ โหอีกรอบ!!!

 

Credit:Unsplash

สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเริ่มให้มันถูกที่ ถูกชิ้น แล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง

 

ทฤษฎีของ The One Thing เน้นย้ำว่าเราต้องหาให้เจอว่า Domino ตัวแรกของเราให้เจอว่าในบรรดางาน หรือ to do list ของเราทั้งหมด มีอะไรที่สำคัญที่สุด?? และมีอะไรมั้ยที่ถ้าเราทำเสร็จแล้ว จะช่วยให้งานอย่างอื่นเสร็จเร็วขึ้น หรือไม่ต้องทำอีกแล้ว??

 

ทาร่าชอบตอนที่ผู้เขียนเล่าให้ฟังว่า เค้าเคยพยายามอยากเป็นคนที่สำเร็จเอามากๆ (มาลุ้นกันว่าสุดท้ายเค้าสำเร็จหรือไม่นะคะ) 

 

สิ่งที่เค้าทำคือ ถอดสูตร ถอดรหัสความสำเร็จจากคนสำเร็จคนอื่นๆ เค้าพยายามคิดเหมือนคนสำเร็จ ทำเหมือนคนสำเร็จ แต่งตัวเหมือนคนสำเร็จ กินอาหารเหมือนคนสำเร็จ จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน อะไรก็พยายามทำทุกอย่างแบบที่คนสำเร็จเค้าทำกัน 

 

และเค้าก็สำเร็จค่ะ มีงาน มีผลลัพธ์ ในแบบที่เค้าพอใจ ทั้งการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ทุกอย่างเติบโต แต่… แต่…. คุณเค้าบอกว่า มันเหนื่อยฉิบหาย!! (burntout) และเค้ามั่นใจว่าตัวเองไม่สามารถทำได้ในระยะยาวแน่นอน (คุ้นๆ มั้ยคะ??)

 

ผู้เขียนเลยโยนทฤษฎีทั้งหมดทิ้ง แล้วหันมาเป็นตัวเองดู ทำทุกอย่างในแบบตัวเอง ใช้ชีวิตในจังหวะ

ของตัวเอง และใช้กฎ The one thing แทน

 

Credit:Unsplash

ไม่ต้องคิดเยอะ ทำเยอะ ตื่นเช้า นอนดึก อะไรทั้งนั้น แค่คิดว่าถ้าวันนี้ฉันจะทำอะไรได้แค่อย่างเดียว สิ่งนั้นควรจะเป็นอะไร?? และผลลัพธ์ที่เค้า คือ เค้าประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม แถมเหนื่อยน้อยลงด้วยค่ะ ผู้เขียนเลยเอาวิธีนี้ไปแชร์กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานก็ลองทำตาม ปรากฏว่า ลิสต์งานประจำวันของพวกเค้าน้อยลง และก็ได้ผลลัพธ์เท่าเดิมหรือดีขึ้นเหมือนกันค่ะ (ดีไปอีกเนอะ มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์แบบนี้)

 

พอผู้เขียนเริ่มประสบความสำเร็จมาก ๆ เค้าเลยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่เป็นมหาเศรษฐีมากขึ้น คนพวกนี้มีเงินนอนในบัญชีธนาคารสวยๆ ไม่ต่ำกว่า 30,000,000 บาทขึ้นไป พอได้ไปเที่ยว สังสรรค์ กับคนพวกนี้มากขึ้น เค้าก็ได้ข้อสังเกตเพิ่มเติมมาอีกว่า เออ กลุ่มคนรวยพวกนี้ คนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน วันๆ เค้าทำเหมือนกับทฤษฎี The One Thing ของเค้าเลย คือ ทำแค่อย่างเดียว!! และคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ นั้น เค้าไม่ได้มีความสามารถในการทำงานเยอะอย่างมากกว่าคนทั่วไป แต่พวกเค้ามีความสามารถในการแยกแยะว่าอะไรคือสิ่งจำเป็น และ อะไรคือสิ่งไม่จำเป็นในชีวิตต่างหาก

 

ในขณะที่คนทั่วไปยังมุ่งมั่นตั้งใจพยายามจะทำให้วันหนึ่งได้ทีละหลายๆ อย่าง หลายๆ งาน คือ increase productivity ในแต่ละวัน แต่กลุ่มมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ล้วนทำแค่สิ่งเดียวกันค่ะ 

 

ทาร่าคิดว่าแนวคิดแบบ The One Thing ก็น่าสนใจดีนะคะ จะไปผลัก Domino เองทำไมให้ครบทุกตัว ถ้าเราแค่ผลักตัวแรกแล้วตัวต่อๆ ไปมันก็ล้มเองได้ ?? 

 

แล้วเพื่อนๆ เคยคิดมั้ยคะว่า ถ้าวันนี้ (หรือพรุ่งนี้) เราสามารถทำงานได้แค่ “อย่างเดียว” เท่านั้น อะไรคือ “อย่างเดียว” ในงานของเพื่อนๆ ที่จะทำให้ “อย่างอื่น” ง่ายขึ้นหรือไม่จำเป็นต้องทำแล้ว?? 


เพื่อนๆ คิดยังไง มาแชร์ความเห็นกันได้นะคะ ทาร่ารออ่านเลยค่ะ


💗💗💗💗💗


เกี่ยวกับเรา


Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย


#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน


#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ


#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ


#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ


💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามเราจ้าา.. 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Twitter: @tarathow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น