16 มกราคม 2565

โค้ชชิ่งลูกด้วยคำถาม 4 ข้อ สอนยังไงให้เหมือนไม่สอน

สำหรับโพสนี้ทาร่ามาบ่นในฐานะมนุษย์แม่ว่าบางที-บางพฤติกรรม-บางอย่างของลูกเราก็สามารถทำให้เราส่ายหัวได้เหมือนกัน ลูกชายคนโตของทาร่าชื่อไมเคิลค่ะ บางครั้งก็ซนตามภาษาเด็กผู้ชาย ชอบทำนู้นนี้ตก หกเลอะเทอะ บางครั้งก็เอาของเล่นไปโรงเรียนแล้วทำหาย เอามือถือเข้าไปเล่นในห้องน้ำแล้วทำตก บางวันไม่กินข้าวเย็นแล้วตื่นมาหิวตอนดึกๆ ต้องมาหาอาหารทานตอนกลางดึก ทาร่าเชื่อว่าคนที่เป็นแม่เหมือนกันน่าจะนึกออกเนอะ 😅


ในฐานะมนุษย์แม่ผู้ศึกษาและหลงใหลศาสตร์พัฒนาตัวเองขั้นสุด และเรียนโน่นนี่มาเยอะแยะ แน่นอนว่าทาร่าก็มีเทคนิคที่ใช้กับลูก ที่เวลาเพื่อนๆ มาเห็นแล้วต้องร้องว้าว!! 


มันคือการโค้ชชิ่งลูกด้วยการถามเพื่อชี้นำแล้วให้เค้าคิดเอง และคำถาม 4 ข้อที่ทาร่าใช้ คือ


1. มันเกิดอะไรเกิดขึ้น

2. ลูกได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้

3. หลังจากนี้ลูกจะทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม

4. แล้วเราจะแก้ปัญหาตรงหน้านี่ยังไง





ตัวอย่างจากสถานการณ์จริง คือเช้าวันที่ไมเคิลต้องไปโรงเรียน ซึ่งบางวันเขาตื่นเช้า หลังจากแต่งตัว กินข้าวเสร็จแล้ว ก็จะมีเวลามานั่งเล่นเกมต่อจนถึงเวลาที่แม่ (หรือป่ะป๊า) ไปส่งที่โรงเรียน วันนั้นก็เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ คือเขาตื่นเช้า ทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็นั่งเล่นเกม แล้วไม่ได้เล่นเปล่าๆ ดันเล่นไป กินน้ำว่านหางจรเข้ไปด้วย แล้วความซวยก็บังเกิด


... 


น้ำว่านหางจรเข้ สูตรผสมน้ำตาล แถมเนื้อแน่นเต็มขวด หกค่ะ!!! 


เลอะเทอะตั้งแต่คีย์บอร์ด โต๊ะ มาถึงพื้น ซึมไปในตู้เก็บของที่อยู่ติดๆ กันด้วย


ไมเคิลตกใจขั้นสุดเรียกแม่มาดูสภาพตรงหน้าและกำลังจะบีบน้ำตา (ท่าไม้ตายเค้าค่ะ)


“มัมมี่ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว”


อ๊อยยย!! แม่นี่ความดันขึ้นเลย ลำพังต้องเช็ดถูหมดนี่ในเวลาปกติก็งานใหญ่แล้ว และนี่ดันมาหกเอาเช้าวันที่ต้องไปโรงเรียนอีก คือเราไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้น ไมเคิลสัมผัสได้ถึงความมาคุของแม่ ร้องไห้เลยจ้าาาา อ๊อยยย… ชีวิตแม่จะมีอะไรบันเทิงได้มากกว่านี้อีกมั้ย


ทาร่ารีบตั้งสติแล้วงัดเอาเทคนิคโค้ชชิ่งมาใช้ (พอเรียนเยอะๆ อ่านเยอะๆ มันก็จะซึมออกมาได้ง่ายแบบนั้นล่ะค่ะ)


Q1: ไมเคิลใจเย็นๆ มองหน้ามัมมี่แล้วค่อยๆ เล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น


ลูกชายทาร่าสงบสติอารมณ์ลงแล้วค่อยๆ เล่าให้ฟังว่า 


“ผมเล่นเกมแล้วหิวน้ำ เลยเอาน้ำมานั่งกินด้วย แล้วมันก็หกอย่างที่เห็นนี่แหละ”


Q2: หกแล้วมันเป็นยังไง ยูได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ในครั้งนี้


ไมเคิลหน้าจ๋อยและตอบมาว่า 


“ถ้ามันหกก็จะเลอะเทอะไปทุกที่ แล้วคีบอร์ดก็อาจจะเสียได้”


Q3: แล้วครั้งต่อไปยูจะทำอะไรที่แตกต่าง


ซึ่งไมเคิลก็พูดออกมาเองว่า 


“ต่อไปเวลาผมเล่นเกมหน้าคอมฯ ผมจะไม่เอาน้ำ ไม่เอาอะไร มากินตรงนี้อีกแล้ว”


ทาร่าถามต่อว่ารวมถึงขนมขบเคี้ยวด้วยหรือเปล่า แล้วก็ปล่อยให้เค้าคิดเอง ซึ่งแน่นอนคำตอบก็คือ “ใช่” เริ่ดดดด ลูกแม่ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างแล้ว และก็มาถึงคำถามสุดท้าย


Q4: แล้วเราจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วยังไงดี


ไมเคิลบอกว่า “ผมจะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ด” 


แล้วเราก็ช่วยกันเช็ด แม่เลื่อนโต๊ะ ไมเคิลเช็ดนะ เดี๋ยวแม่ยกโต๊ะกลับเข้าที่ ไมเคิลเอาผ้าไปล้างน้ำแล้วกลับมาอีกรอบ จนทุกอย่างกลับเข้าสภาพเดิมและไมเคิลก็ได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง (ส่วนแม่ก็ได้ฝึกสติตั้งแต่เช้าเลยจ้าาา 😅)


—--------------





ซึ่งเทคนิคโค้ชชิ่งแบบนี้ก็ตรงกับที่ ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก เคยบอกในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการว่า 


พ่อแม่ควรให้ลูกฝึกแก้ปัญหาด้วยตนเอง ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกเสมอ ลูกจะขาดทักษะในการพัฒนาด้านความเชื่อมั่น หากเราให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง บางครั้งเด็กจะคิดไม่ค่อยเป็น หากพูดถึงภาพใหญ่ นั่นหมายความว่า ยอมให้ลูกได้เกรด B หรือ C บ้างแทนที่จะได้เกรด A ตลอดเพื่อให้ลูกเรียนรู้ทักษะในการแก้ปัญหาในการทำงาน


—---------------


นี่ก็เป็นเทคนิคโค้ชชิ่งลูกง่ายๆ ที่ใครๆ ทำได้ แต่ทาร่าคิดว่าที่จริงก็ใช้ได้กับสามี เพื่อน หรือพ่อแม่เราก็ยังได้เลย คือแทนที่จะเอาความคิดเราไปยัดเยียดให้ใคร แต่ใช้วิธีการถามนำทางเพื่อให้เค้าตระหนักเห็นปัญหา สาเหตุ เรียนรู้ วิธีแก้ปัญหา และมองเห็นภาพรวมของ ‘ปัญหา’ ด้วยตัวเอง


เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทาร่านำมาฝากสำหรับผู้อ่านที่มีลูกวัยเดียวกัน นอกจากเรื่องโค้ชชิ่งลูกง่ายๆ แล้วทาร่ายังมีหนังสืออีกเล่มนึงที่ได้ตกผลึกศาสตร์โค้ชชิ่ง พัฒนาตัวเองไว้ด้วยกัน ผ่านการทำ Vision Board 


ถ้าคุณชอบ 4 คำถามโค้ชชิ่งลูก ทาร่ามั่นใจว่าคุณจะชอบเล่มนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ 👇

 

📙📙📙

 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางอื่นๆ ในการติดตามทาร่า:

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

Youtube: tarathow

IG: tarathow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น