06 มกราคม 2565

กฏลับที่จะทำให้งานเดียวกัน ใช้เวลาแค่ครึ่งเดียว

ช่วงต้นปีแบบนี้ ใครยังมีงานที่ยังค้างคาเยอะเหมือนทาร่าบ้างคะ งานราษฏร์ งานหลวง งานฟรี งานไม่ฟรี งานซ้อน เยอะล้นโต๊ะมากค่ะ ทาร่าเคยเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาแบบนี้ค่ะ แต่วันนี้มีเทคนิคลับที่อยากมาแชร์ต่อให้เพื่อนๆ ที่อ่านได้ประหยัดเวลาในการทำงานกันค่ะ 

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่แชร์ต่อกันมา 60 ปีที่แล้ว โดยนายไซริล พาร์กินสัน ( Cyril Parkinson ) นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ในหนังสือ The Economist ฉบับปี 1955 โดยเค้าสรุปไว้ว่า ปริมาณงานของเราสามารถยืด และหดได้ขึ้นอยู่กับเวลาที่เราให้มัน



     Credit : Picxabay


เราสามารถบริหารงาน บริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพได้ยังไง มาดูกันค่ะ ทาร่ายกตัวอย่าง กิจวัตรประจำวันของทาร่าแล้วกัน 


ยกตัวอย่างกิจวัตรประจำวันของทาร่าค่ะ ทุกเช้าทาร่าต้องไปส่งลูกชายที่โรงเรียนทุกวัน ซึ่งเวลาที่ต้องเข้าเรียนคือ 9 โมงเช้า โดยเราต้องไปให้ทันโรงเรียนช่วง 8 โมง 45 นาที ทาร่าจะปลุกลูกชายก่อน 8 โมงเช้า ออกจากบ้าน 8 โมง 30 นาที ไปถึงโรงเรียนก่อน 9 โมงเช้า



Credit : Picxabay


แต่มีบางวันที่นอนเพลินนาฬิกาปลุก (แต่ไม่ตื่น ฮา) ตื่นกันตอน 8 โมง 30 นาที ช่วงนี้แหละวุ่นวาย ป่วนบ้านกันมาก เท่ากับเราจะเหลือเวลา อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว กันแค่ 10 นาที เห็นภาพความวุ่นวายในนั้นมั้ยคะ คือ 10 นาทีกับกิจวัตร 3 อย่าง ขับรถจากบ้านไปถึงโรงเรียน 10 นาที ไปถึงโรงเรียนก่อน 9 โมงเช้า 


เวลาทันพอดี เชื่อมั้ยคะว่าถ้าเราอยากให้เวลาทันมันก็ทัน 


หรืออีกตัวอย่างค่ะ งานด่วนที่ต้องเสร็จให้ทันภายในวันนี้ แต่กลับกลายเป็นมีงานด่วนซ้อนเข้ามา ทั้งสองงานต้องเสร็จภายในวันนี้ งานที่คิดว่าเราไม่น่าทำเสร็จ แต่ปรากฏว่ามันเสร็จจนได้



    Credit : Picxabay


อีกตัวอย่างหนึ่งสำหรับสาวๆที่รักความสวยงามค่ะ เพื่อนสาวทาร่าเป็นคนที่สวย ออกจากบ้าน ต้องแบบหน้าต้องเป๊ะปัง สวยตลอดเวลา ใช้เวลาอาบน้ำ 1 ชั่วโมง ทาครีมบำรุงผิว 1 ชั่วโมง แต่งหน้า 1 ชั่วโมง กว่าจะออกจากบ้านต้องใช้เวลาสิริรวม 3 ชั่วโมง


แต่มีวันหนึ่งที่เพื่อนคนนี้ตื่นสายค่ะ แถมยังลืมของ ทำให้เหลือเวลาที่นัดก่อนออกจากบ้านสิริรวมแค่ 40 นาทีเท่านั้น แล้วก็ปาฏิหาริย์ค่ะ นางเดินสวยมาเหมือนเดิมมาก เหมือนใช้เวลา 3 ชั่วโมงเท่าเดิมเลยค่ะ ทาโลชั่น ก็ทา น้ำก็อาบ หน้าก็แต่งเหมือนเดิมเป๊ะ แล้วมันเป็นไปได้ยังไงกัน



นายไซริล พาร์กินสัน


วนมาที่กฎ พาร์กินสัน ตอนต้นเรื่องค่ะ ลืมไปแล้วยังคะ เค้าบอกว่าปริมาณงานของเรา ยืดหดได้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เราอนุญาตให้ทำ ส่วนวิธีการปรับใช้ เราสามารถลดเวลาการทำงานแต่ละชิ้นได้ จากที่เราตั้งใจว่าจะให้เสร็จภายใน 3 วัน เราทำให้เหลือภายในเพียงแค่ ครึ่งวัน ได้ไหม เราให้เวลางานเยอะเกินไปหรือปล่าว


ช่วงแรกทาร่ามองว่าอาจจะท้าทายตัวเองค่ะ เพราะเราไม่เคยลองใช้กฎนี้ อาจต้องใช้เวลานำไปปรับใช้ดูค่ะ บางคนอาจจะสงสัยว่ามันเสร็จได้ยังไง แต่กลายเป็นว่างานก็เสร็จได้ ทาร่าขอเสริมตรงนี้นิดนึงค่ะ บางครั้งเราอาจจะใช้เวลาไม่เต็มที่เพราะเรามีสิ่งเร้า เช่น เราจะเขียนบทความแต่เราใช้เวลาค้นคว้ามากไปรึเปล่า หรือ เราไม่ได้ปิดเสียงโทรศัพท์ พอเสียงเตือนดังหนึ่งทีจิตใจเราวอกแวกแล้วค่ะ ต้องลองฝึกดูค่ะ นำกฎ พาร์กินสัน มาใช้ดู ได้ผลยังไงมาบอกกันได้ค่ะ 


นอกจากกฎ พาร์กินสัน แล้ว ทาร่าขอแนะนำ การใช้ Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ เป็นเทคนิคลับที่ทาร่าใช้และทำให้ชีวิตทาร่าประสบความสำเร็จมาแล้ว ทุกคนทำตามได้ง่ายๆ เลยค่ะ 


สนับสนุนทาร่าได้ที่

 

📙📙📙

 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

 

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

 

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ติดตามทาร่าได้ที่:

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

 

Youtube: tarathow

 

IG: tarathow

 

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

 

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

 

Blogspot: tarathow.blogspot.com

 

Tiktok: @tarathow

 

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow




02 มกราคม 2565

เข้าใกล้คำว่า ‘อิสรภาพทางการเงิน’ ง่ายๆ แค่ 1 เทคนิคลับ ที่ไม่มีใครกล้าบอก

ทาร่าเชื่อว่า ‘อิสรภาพทางการเงิน’ เป็นเรื่องที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน และเป็นคอนเซปที่โค้ช ครู กูรู หลายๆ ท่านพยายามที่จะสอนสั่งกันมา ประหนึ่งเป็นเป้าหมายที่มีไว้ให้ทุกคนพุ่งชน


แต่ที่น่าเสียดาย คือ ทาร่ายังไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงความหมายที่แท้จริงของคำนี้ซักเท่าไหร่


ก่อนที่เราจะไปถึงได้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ที่แท้จริงมันคืออะไร และมันมีหน้าตาเป็นยังไง มันประกอบไปด้วย 2 ส่วนค่ะ


“การเงิน” หมายถึง สกุลเงินต่างๆ ที่เรากำลังใช้อยู่ สิ่งที่เราต้องทำงานเพื่อให้ได้มา และสิ่งที่เราต้องใช้ออกไปเพื่อแลกกับสิ่งที่เราอยากได้


ส่วนคำว่า “อิสรภาพ” หรือ “อิสระ” ตามความหมายของพจนานุกรม ราชบัณฑิต แล้วมันแปลว่า ความเป็นไทแก่ตัว การไม่ขึ้นแก่ใคร และการไม่สังกัดใด


เพราะฉะนั้นความหมายของคำว่าอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริงไม่ได้แปลว่า การมีเงินมากๆ ในแบบที่จะใช้ยังไงก็ได้ แต่มันกลับแปลว่า การที่เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยที่เป็นไทแก่ตัวเองและไม่ได้เป็นทาสของเงินต่างหากล่ะ






—-------------


ตราบใดที่เรายังเอา “ความสุข” ของเราไปผูกติดไว้กับ “วัตถุ” ใดๆ ก็ตามที่ต้องแลกมาด้วย “เงิน” เราจะไม่มีทางเป็นอิสระจากเงินอย่างแท้จริงได้เลย ทาร่าบอกอย่างนี้หลายคนอาจจะยังเถียงในใจ แต่ทาร่าอยากให้คุณลองนึกภาพตามแบบนี้ค่ะ


ถ้าคุณคิดว่า “กระเป๋าแบรนด์เนม” จะทำให้คุณมีความสุข และคุณจะมีความสุขก็ต่อเมื่อได้ครอบครอบกระเป๋าแบรนด์เนมเท่านั้น อะไรที่น้อยกว่านั้นคุณไม่สามารถที่จะสุขได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังความ “ของมันต้องมี” คือ คุณจะต้องหาเงินอยู่ตลอดเวลา เพื่อมาจับจ่ายใช้สอยให้ตัวเองมีความสุข


ไม่ว่าคุณจะชอบงานที่ทำอยู่หรือไม่ก็ตาม… ตราบใดที่มันยังให้เงินคุณมากพอ คุณก็ยังยินดีที่จะทำต่อไป


บางคนก็ยินดีที่จะขึ้นโรงขึ้นศาล และตัดสัมพันธ์กับพี่น้องหรือแม้กระทั่งคนรักของตัวเอง… เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน


บางคนก็ยินดีที่จะต้องเสียสุขภาพ ทำงานที่เสี่ยงอันตรายกว่าปกติ…. เพื่อแลกกับเงินที่มากกว่าปกติด้วยเช่นกัน


พล็อตแต่งงานปลดหนี้หรือความสัมพันธ์ประเภทที่เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ไม่ได้มีแค่ในนิยายเท่านั้น…….. แต่มันเป็นชีวิตจริงของใครหลายๆ คน


เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ทาร่าขอถามหน่อยค่ะว่า….


ตกลงแล้วเรากำลัง “ใช้เงิน” ในการซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา บ้านหรู รถสวย ฮอลิเดย์ต่างประเทศอยู่??


หรือเรากำลังถูก “เงินใช้” ให้ต้องทำงานงกๆ ทะเลาะกับพี่น้อง ขายจิตวิญญาณ ความรัก สุขภาพ และความสุขในชีวิต เพื่อมาเป็น “ทาสของเงิน” และกำลังรับใช้ “สังคมวัตถุนิยม” โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวกันแน่??




—-----------------


ถ้าอ่านมาถึงนี้แล้วคุณยังคิดว่าตัวเองกำลัง “ใช้เงิน” อยู่ แปลว่าความเห็นเราไม่ตรงกันแล้วแหละ คุณสามารถกดปุ่มกากบาทที่มุมบนขวาเพื่อออกจากหน้านี้ไปได้เลย


แต่ถ้าคุณอ่านคำถามเมื่อกี้แล้วรู้สึกเอะใจ และเกิดสงสัยขึ้นมาว่า….


เอ๊ะ!!! หรือเงินกำลังใช้เรา?? ตกลงเราเป็นทาสของเงินโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกเหรอเนี่ยะ??


แล้วเราจะเป็นอิสระจากเจ้าเงินนี่ได้ยังไง?? (แกมันร้าย!!!)


คำแนะนำที่เปิดโลกทัศน์ทาร่าที่สุดที่ได้มาจากหนังสือ The 4 hours Work Week ของ Tim Ferris คือ เราต้องมีความสุขด้วยตัวเองให้ได้โดยที่พึ่งพาเงินน้อยที่สุดค่ะ!!!




Tim Ferris / Credit : Tim.Blog



ก่อนอื่นเลยเราต้องหาความสุขที่แท้จริงในชีวิตตัวเองให้เจอและเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ สมมุติว่าคุณเป็นคนชอบทะเล มีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาด สายลมพัดโชย และเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าการได้ไปฮาวายจะทำให้คุณมีความสุข คุณกำลังมอบกายถวายวิญญาณเพื่อทริปฮาวายในฝัน และจะไม่ยอมรับอะไรที่น้อยกว่าฮาวายเป็นอันขาด (ปิ๊งป่อง!!! เงินกำลังใช้คุณอยู่)


แต่ถ้าคุณกล้าหาญพอที่จะประกาศอิสรภาพจากเจ้าเงินนั่นล่ะ


“จริงๆ แล้วชีวิตฉันก็ไม่ได้ต้องง้อแกขนาดนั้นนะ ถ้าฉันมีแกเยอะๆ ฉันอาจจะไปฮาวายเล่นๆ ซักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ได้ แต่ถ้าฉันมีแกน้อยหน่อย ฉันก็จะไปบาหลีแทน และถ้าฉันมีแกน้อยมากๆ ฉันก็จะไปบางแสนแทน หรือถ้าฉันไม่มีแกเลย ฉันก็จะนอนดูแม่เงือกน้อยตัวเขียวผมแดงผ่านทาง Netflix อยู่ที่บ้านมันนี่แหละ และฉันก็ยังจะมีความสุขเท่ากันด้วย” (เชอะ สบัดบ๊อบใส่เงินนิดนึงพอเป็นพิธี)


งานไหนที่ไม่มีความสุข.. ฉันก็จะไม่ทน


ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี… ฉันก็พร้อมที่จะเดินจากได้ตลอดเวลา


และความเป็นพี่น้องของฉัน… ก็มีค่ามากกว่าแก (รึเปล่า?)


ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณสามารถเชิดหน้าสบัดบ๊อบใส่อำนาจเงินได้ เมื่อนั้นคุณจะเข้าใกล้กับความเป็นไท ความเป็นอิสระจากเงินมากขึ้น…… เงินจะซื้อคุณได้ยากขึ้นค่ะ!!!






—---------------------


แต่แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วเราต้องมีเงินในการดำเนินชีวิต และเรายังต้องการเงินเพื่อมาอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของเรา 


เพราะฉะนั้นแค่ประกาศตัวเป็นไท เลิกเป็นทาสเงินยังไม่พอค่ะ 


เรายังจะต้องปฏิวัติเจ้าเงิน (ตัวแสบ) ยึดอำนาจจากมันมาให้หมด แล้วแต่งตั้งสถานะใหม่ให้มันกลายมาเป็นทาสของเราแทนค่ะ


“ถึงคราวที่แกจะต้องฟังฉันบ้างแล้ว!!!”


—---------------


แต่ก่อนที่เราจะสั่งมันได้ดั่งใจนึก เราก็จะต้องมีกองทัพเงินเยอะพอสมควรก่อนเนอะ 


ยิ่งกองทัพใหญ่เราก็จะสั่งได้สะใจหน่อย ถ้ากองทัพยังเล็กอยู่ เราบอกให้มันไปซื้อตั๋วฮาวายให้หน่อย มันก็จะเถึยงกลับมาว่า “ฉันพาบอสไปได้แค่บางแสนค่ะ จะไปมั้ย” แล้วสบัดบ๊อบคืนกลับมาบ้าง 😅


ไม่ต้องห่วงไปค่ะ การที่เราเป็นไทจากเงิน ไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้เราจะไม่มีเงินอีกแล้ววว โน้ โน โน่!!! ตรงกันข้ามกันเลยค่ะ


ถ้าเราไม่ต้องทนทำงานที่ไม่ได้รัก (เพื่อแลกกับเงิน) การได้เลือกงานอย่างอิสระ ในระยะยาวจะทำให้เรามีเงินมากขึ้น


ถ้าเราไม่ต้อนทนกับความสัมพันธ์แย่ๆ (เพื่อแลกกับเงิน) คนรักดีๆ คนที่คู่ควร จะเข้ามาส่งเสริมให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น และสุดท้ายแล้วความสุขในชีวิตคู่นี่แหละที่จะเป็นแรงส่งให้เราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายแล้วเงินมันก็จะกลับมาหาเราอยู่ดี (ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง)


ถ้าเราไม่ต้องทนอดหลับอดนอน ทำงานที่เสี่ยงอันตราย (เพื่อแลกกับเงิน) ถึงตอนนี้คุณก็คงจะเดาได้แล้วล่ะเนอะว่าสุขภาพดีๆ จะช่วยเราทั้งประหยัดเงินและอยู่ช่วยหาเงินให้เราได้ในระยะยาวไปอีกนานแค่ไหน


เราจะยังมีเงินค่ะ!!!






และเราสามารถสั่งได้ว่าจะให้มันทำอะไรเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิตของเรา เป้าหมายที่มาจากตัวเราเองจริงๆ ไม่ได้มาจากกองทัพทาสเงินที่เจ้าเงินได้สร้างไว้ ถ้าระหว่างที่กองทัพเงินของเรายังเล็กๆอยู่ เรามีเป้าหมายที่จะให้มันเติบโต เราก็สามารถที่จะสั่งเจ้าเงิน (ทาสผู้ซื้อสัตย์) ของเราได้ว่า 


“แกอยู่รวมตัวกันอย่างสงบเสงี่ยม อย่าออกไปเพ่นพ่านที่ไหน ถ้าเห็นช่องทางเติบโตที่ไหนให้สะกิดบอกฉันด้วย…. ส่วนแก 389 บาท ออกไปซื้อตั๋วรถทัวร์ไปภูเก็ตให้ฉันหน่อย”


แต่เราจะไม่กลับไปอยู่ในโลกใบเดิมที่เจ้าเงิน (ตัวแสบ) ได้สร้างทาสไว้เยอะแยะจนกลายเป็นสังคมวัตถุนิยม และมีตัวมันเป็นบอสใหญ่คอยบงการให้เหล่านางทาสนายทาสทั้งหลายคอยรับใช้ ถวายร่างกายและจิตวิญญาณให้มัน ผ่านแค่ประโยคสั้นๆ ที่ว่า “ของมันต้องมี” อีกต่อไป


“พวกแกจะมาสร้างอุปทานหมู่ เอาฮาวายมาล่อ แล้วหลอกให้ฉันต้องทำงานงกๆ แบบนั้นไม่ด้ายยย”


“ฉันจะไปฮาวายก็ต่อเมื่อ “ฉัน” อยากไปฮาวาย เข้าใจตรงกันนะ!!”

 

❤🧡💛💚💙

 

นี่เป็นบทความที่ทาร่าตั้งใจเขียนมาก หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาอิสภาพทางการเงินอยู่บ้างนะคะ ใครอ่านจบ ขอคอมเม้นต์หน่อยนะคะ 😘

 

ส่วนใครที่กำลังมองหาสมดุลชีวิต เป๊ะปังทั้งเรื่องเงิน งาน ความรัก ครอบครัว สุขภาพ จิตวิญญาณ ใดๆ ก็แล้วแต่ ทาร่าแนะนำหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ อ่านง่าย ทำง่าย ได้ผล “ของมันต้องมี” จริงๆค่ะ 😁

Credit : Pixabay


 

📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

IG: tarathow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow

บทเรียนที่ (เกือบจะ) สายเกินไปของ working woman ตัวท็อป

ทาร่าเชื่อว่าผู้อ่านในบล็อกนี้ต้องเป็นคนที่ทำงานหนักในระดับหนึ่ง ใช่มั้ยคะ คุณเป็นคนที่ใฝ่หาความสำเร็จ อยากมีรายได้ที่มั่นคง มีการงานที่เป๊ะปัง เพราะถ้าคุณไม่ใช่คนแบบนี้ คุณคงนอนอยู่ที่บ้าน ดู netflix สบายๆ ไม่ได้มาเปิดอ่านบล็อกศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อัพสกิล หาเทคนิคเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จเร็วๆ ใช่มั้ยคะ 



ทาร่ามีเพื่อนที่รู้จักอยู่คนหนึ่งค่ะ เธอเป็นผู้หญิงเก่ง เชื้อสายจีน แต่ไปทำงานที่ออสเตรเลีย เธอเป็นคนแรกที่สอนงานเกี่ยวกับโบรกเกอร์สินเชื่อให้ทาร่า ซึ่งในประเทศนี้ก็มีโบรกเกอร์เยอะมากกกก ก ไก่ สิบตัวเลยค่ะ







มีการจัดอันดับโบรกเกอร์โดยดูจากยอดสินเชื่อที่เราขายให้ธนาคาร ดูจากหนี้ที่เราขายให้ธนาคาร ดูว่าแต่ละคนขายได้เท่าไหร่ เพื่อนของทาร่าคนนี้ก็ติดหนึ่งในสิบของประเทศทุกเดือน ทั้งที่เพิ่งเริ่มทำงานมาได้ 3 ปีเท่านั้น



เธอทำงานมาได้ 3 ปี ก็ตัดสินใจออกจากบริษัท (ที่เคยสอนงานให้ทาร่า) และไปเปิดบริษัทเองร่วมกับเพื่อนที่เป็นโบรกเกอร์ด้วยกัน บริษัทใหม่ของเธอมีพนักงานจากหลายเชื้อชาติ ทั้งออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย จีน ฯลฯ 







ภายในระยะเวลา 2 ปี บริษัทของเธอประสบความสำเร็จมาก มีนายทุนขนเงินจากฮ่องกง สิงคโปร์ จีน มาเป็นก้อนๆ เพื่อให้เธอช่วยปล่อยกู้ให้หน่อย เพราะว่าคนรวยพวกนี้เค้ารู้ว่าถ้าฝากเงินไว้ในประเทศของตัวเองนั้นดอกเบี้ยน้อยมากแถมยังมีความเสี่ยงบางอย่าง การแบ่งเอามากระจายความเสี่ยง เอาเงินมาให้คนที่ออสเตรเลียยืม แล้วถือบ้านที่ออสเตรเลียไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเลยแหละ



ทาร่าติดต่อกับเพื่อนคนนี้เป็นระยะๆ บางทีก็ชวนเค้าไปกินข้าว จิบกาแฟ นั่งเมาท์บ้างอะไรบ้าง แต่เค้าก็ปฏิเสธตลอด ไม่ว่างบ้าง ไม่สบายบ้าง ติดธุระบ้าง นั่นนี่นู่น ทาร่าก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเค้าก็เป็น Working Woman ทำงานตลอดเวลา ยิ่งเป็นเจ้าของบริษัทเอง มีพนักงานเยอะแยะ งานคงเยอะ คือยุ่งแหละ ทาร่าก็เลยไม่ได้คิดอะไร








จนมาวันหนึ่งเค้าทักมาบอกว่า ขอโทษนะที่หายไปเลย ทั้งไม่ได้คุยกัน แล้วก็ไม่ได้เจอเธอเลย



“ฉันเป็นมะเร็ง”



- - - - - เงียบ - - - -  



ทาร่าแบบเฮ้ย!! เงียบไปหลายวินาทีเลย เพราะทาร่าช็อกอยู่ค่ะ 


เฮ้ยยยยยยยยยย (แบบตกใจหนักมาก เพื่อนคนนี้เพิ่งจะอายุสามสิบกว่าๆ เอง และดูเธอก็เป็นคนรักษาสุขภาพดี) 



หลังจากตั้งสติได้ ทาร่าถามเค้าว่าเป็นมะเร็งอะไร เป็นตั้งแต่ตอนไหน เพื่อนบอกว่า เป็นมะเร็งมา 6 เดือนแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรักษาตัวกับโรงพยาบาล ทำคีโม ผมร่วงทั้งหัว ไม่ได้ทำงานมา 6 เดือนแล้ว และหมอบอกให้รักษาตัวอีก 2 เดือน



เธอบอกว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะ แถมยังบอกว่าถ้าว่างแวะมานั่งคุยกันที่บ้านได้เลย แล้วเธอก็พูดต่อ…


“มันบ้าเนอะที่คนวัยเราเอาเวลา แรงกาย สุขภาพ ทั้งหมดไปแลกกับเงิน เราพยายามทำงานให้ดีๆ เก็บเงินให้ได้เยอะๆ โดยลืมนึกว่า ทั้งหมดที่เราได้มานั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย ถ้าเราไม่มีสุขภาพที่ดี” 


และก่อนวางสาย เธอทิ้งท้ายไว้ว่า 


“เธอต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ อย่าทำแบบฉันนะรู้มั้ย”






พี่เลี้ยงก็ยังเป็นพี่เลี้ยงอยู่วันยังค่ำ ทาร่ายังจำได้ว่าเธอเป็นคนแรกที่สอนให้ทาร่ารู้จักกับงานโบรกเกอร์สินเชื่อ และวันนั้นเธอก็ได้สอนทาร่าในเรื่องใหม่อีกครั้ง มันชื่อว่า work-life balance 


ทาร่าอยากแชร์เรื่องราวนี้เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าคิดนะคะ แถมเป็นคติสอนใจให้ทุกคนด้วย ในโลกของทุนนิยม เราต้องไขว่คว้าหาเงิน หาความมั่นคงให้ชีวิต หาอิสรภาพทางการเงิน เราทำงานให้ได้เงินเยอะ โดยที่ไม่ทันได้เอะใจเลยว่าเราต้องเสียอะไรไปบ้าง แล้วแบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร 


ทาร่าอยากเตือนให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพนะคะ ทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ที่สำคัญความคิดจิตใจเราต้องดี อย่าเครียด อะไรที่มันไม่ใช่ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็เดินออกมาซะ เริ่มตั้งแต่วันนี้วันที่เรายังมีแรง ทำให้มันเต็มที่ อย่าให้มีบทเรียนแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีกเลยนะคะ



เทคนิคดีๆ ที่ทาร่ามาแชร์ในบล็อกอยากให้ทุกคนลองทำตามน้าาา นอกจากนี้ยังติดตามทาร่า สนับสนุนเป็นกำลังใจผ่าน “หนังสือ Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ” อีกหนึ่งเล่มค่ะ เล่มนี้ทาร่าใส่เคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตทาร่าประสบความสำเร็จมาแล้ว ทุกคนทำตามได้ง่ายๆ เลยค่ะ 

 

ช่องทางการตำ เชิญไปตำกันนะคะ 🥳

 

📙📙📙

 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

 

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

 

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

🌈 🌈 🌈 🌈 🌈 

 

ติดตามทาร่าได้ที่

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

 

Youtube: tarathow

 

IG: tarathow

 

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

 

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

 

Blogspot: tarathow.blogspot.com

 

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow