18 ธันวาคม 2564

ได้อะไรจากโค้ช 2 ชั่วโมง 66,000 บาท กับ “อาจารย์บัณฑิต อึ้งรังสี”


ทาร่าเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จัก “
อาจารย์บัณฑิต อึ้งรังษี” ไลฟ์โค้ชคนดังที่มีผลงานหนังสือหลายเล่มอยู่แล้วแหละเนอะ ทาร่าเคยมีโอกาสโค้ชชิ่งส่วนตัวกับอาจารย์ครั้งนึง ตอนนั้นอาจารย์มาที่ซิดนีย์ โดยได้เวลา 2 ชั่วโมง ราคา $3,000 (66,000 บาท) ถามว่าได้อะไรกลับมาบ้าง ทาร่าจะมาแชร์ให้ฟังค่ะ 


ก่อนอื่นอาจารย์ถามว่า ทาร่าทำอะไรอยู่ตอนนี้ เราก็นำเสนออาจารย์อย่างภาคภูมิใจเลยว่าตอนนี้ ทำ Youtube เป็นช่องที่ให้ลูกชายมารีวิวของเล่น ทาร่าก็เสริมว่า ช่องของเรา unbox ของเล่นทุกชิ้นใหม่แกะกล่องไปพร้อมกับผู้ชมเลยค่ะ ทุกชิ้นเป็นแบรนด์ชื่อดัง ราคาแต่ละชิ้นเลยค่อนข้างสูง 



เรียกได้ว่าอะไรที่ ลูกชายชอบของเล่นชิ้นไหนทาร่าจัดให้หมดค่ะ (อิแม่ เปย์เต็มเหนี่ยว) 



เลโก้มาเล้ย จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ

ทรานฟอร์เมอร์จัดไป 

เบนเท็น การ์ตูนชื่อดังของทางฝั่งเด็กผู้ชาย 



ถามถึงอุปกรณ์ในการทำงาน เมื่อก่อนเริ่มต้นด้วยมือถือธรรมดาๆ แล้วมีไมค์นอกอีกหนึ่งตัว เพราะตอนนั้นลูกชายอายุแค่ 5 ขวบเสียงยังงุ้งงิ้ง ฟังยาก ใช้ไปสักพักเอ๊ เสียงยังไม่ดีเท่าที่ควร อิแม่ไม่ยอมค่ะ ไปซื้อ กล้องวีดีโอจาก Panasonic เพื่อคุณภาพโปรดักชั่นที่อลังการ และความ Professional ขาดไม่ได้ต้องมีไวเลสไมโครโฟนอีกตัว เรียกได้ว่าเรื่องอุปกรณ์นี้ยิ่งกว่ารับงานร้อยล้าน 


ถ่ายเสร็จมาที่ขั้นตอนการตัดต่อ เราก็เล่าให้อาจารย์ฟังว่า เราใช้โปรแกรม Windows Movie Maker เผื่อใครไม่ทัน ตัวนี้จะเป็นตัวที่แถมมากับ Window ค่ะ ใครที่ตัดต่อยุคเก่าๆ ยังพอคุ้นชื่อ แต่ไม่รู้เด็กรุ่นใหม่จะรู้จักมั้ย อิอิ 


ส่วนเวลาในการทำงาน นอกจากถ่ายทำ แล้วยังใช้เวลาตัดต่อในแต่ละคลิปครึ่งวัน ใช่ค่ะ ครึ่งวัน แต่ก็มีบางคลิปที่ใช้เวลามากกว่านั้น เรียกได้ว่าบางคลิปใช้เวลาทั้งวันค่ะ (ทุ่มเทสุด)



เล่าให้อาจารย์บัณฑิตฟัง แกก็บอกว่า โห !!!


ในใจทาร่าคิดแล้วว่าอาจารย์ต้องแบบปลื้มปริ่มดีใจมากที่แบบมีลูกศิษย์ที่ทุ่มเทขนาดนี้ คำตอบของอาจารย์ทำเราปลื้มปริ่มอีกมั้ยมาลุ้นกันค่ะ 


อาจารย์บอกว่า “โห คุณทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องยากหมดเลยเนอะ” แถมอาจารย์ยังถามต่อว่า “คุณทำช่องนี้มานานกี่ปี มีคลิปทั้งหมดกี่คลิป” 


ทาร่าตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า “สองปี มีทั้งหมด 40 คลิปค่ะ” อาจารย์หยิบเครื่องคิดเลขมาคิดๆ 


อาจารย์บอกว่า “คุณทำได้เดือนละ 1 คลิปครึ่ง มันเป็นไปได้เลยที่คุณจะประสบความสำเร็จ คนที่เค้าทำยูทูป เค้าอัพกันทุกวัน บางวันไม่ได้มีแค่ 1 คลิปด้วย ไม่ได้นะยูต้องเอาใหม่ โยนอุปกรณ์ทิ้ง เริ่มใหม่เลย ยูหยิบมือถือเปิดโหมดวิดีโอเสร็จ แบบนี้เอ้า มาให้ลูกชายเล่น แล้วก็ถ่าย ถ่ายเสร็จก็เล่น แค่เนี่ย”




ฟังแค่นั้น ทาร่าวิ่งเข้าไปโผกอดอาจารย์ที่ชี้ทางสว่างให้เลยค่ะ (พร้อมน้ำตาที่ไหลริน) เพิ่งรู้ว่า เฮ้ย!! ที่ผ่านมาทำไมเราทำเรื่องให้กลายเป็นเรื่องยาก ทำทุกอย่างให้เวิ่นเว้อ วุ่นวายกับขั้นตอนที่มากมาย


หลังจากนั้นเราก็ปรับวิธีการทำงานเลยถ้าเราไปบ้านเพื่อน หรือออกไปข้างนอก เห็นของเล่นแปลกๆ เจ๋งๆ ก็ให้ลูกชายไปลองเล่นแล้วเราก็ถ่ายคลิปเค้า หรือ ถ้าอยู่ที่บ้านเจอของเล่นเก่าๆ น่าสนใจก็ให้ลูกชายเล่น รีวิวจากสิ่งที่มี ตอนนี้ก็ถ่ายได้สัปดาห์ละ 3-4 คลิปเลยค่ะ



ฟีดแบคที่ผ่านมาก็มีคลิปที่ปังบ้าง พังบ้าง ไอคลิปที่ปังๆ ทาร่าก็กลับมาทำการบ้านว่าทำไมคนชอบคลิปแบบนี้ พยายามศึกษาพฤติกรรมคนดู แล้วนำมาปรับใช้กับคลิปในช่อง เรียกได้ว่าพัฒนาไปเรื่อยๆ เป็นไงคะ บทเรียนราคาแพงที่ทาร่า เจอมา ความตั้งใจร้อย อุปกรณ์ร้อยห้าสิบ ส่วนผลงานที่ได้รับยี่สิบเปอร์เซนต์ อิอิ ใครมีบทเรียนราคาแพงแบบนี้มาแชร์กันน้า 


ส่วนใครอยากพัฒนาตัวเองแบบใช้พลังที่เหนือกว่า ด้วย how-to ทำ vision board ให้ได้ผลเป๊ะปัง เสกชีวิตในฝันได้ง่ายๆ แค่หารูปที่เราชอบมาแปะๆ ไว้ในที่ๆ สามารถมองเห็นได้ทุกวัน ทาร่าขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ

 



สนับสนุนทาร่าได้ที่

 

📙📙📙

 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj


❤💙💚💛💜


ติดตามทาร่าได้ที่:


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

Youtube: tarathow

IG: tarathow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow

 




จุดเปลี่ยนของนักเสพ เปิดที่มา "บล็อกเทคนิคเพี้ยนๆเปลี่ยนชีวิตได้จริง


ทาร่า เชื่อว่าผู้อ่านที่เปิดเข้ามาอ่านในบล็อกคงสงสัยกันบ้างหละว่า ทำไมทาร่าต้องสร้างบล็อก เทคนิคเพี้ยนๆ เปลี่ยนชีวิตได้จริง ขึ้นมา เรื่องราวจุดเริ่มต้นของบล็อกนี้เป็นยังไง วันนี้ทาร่าจะมาแชร์ให้ฟังสั้นๆ ถึงที่มาของบล็อกนี้กันค่ะ 



ไม่สร้างก็ไม่มีทางสำเร็จ กล้องส่องสุขภาพเท่ากับสิ่งที่รับประทาน กล้องส่องสมองเท่ากับสิ่งที่เราเสพ คือสิ่งที่เราอ่าน ฟัง ดู จะบอกถึงคุณภาพของสมองของเรา ส่วนกล้องส่องความสำเร็จคือสิ่งที่เราสร้างสะกิดใจ 


นี่คือส่วนหนึ่งในหนังสือ สมองทองคำ ของขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร นักเขียนแนวจิตวิทยาที่ทาร่าชื่นชอบค่ะ ที่สำคัญเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บล็อกนี้เกิดขึ้นค่ะ

ขุนเขา เล่าต่อในหนังสือว่า ชีวิตประจำวันจะมีกิจกรรมที่เกิดขึ้นสองส่วน คือ ส่วนของผู้เสพ และส่วนของผู้สร้าง เหมือนเวลาเราไปร้านอาหาร คนที่รับประทานจะได้รับบรรยากาศดี ๆ เอ็นจอยกับช่วงเวลาที่พิเศษ อร่อยไปกับอาหารจานเด็ด แต่หลังจากนั้นช่วงเวลาเช็กบิลเราก็ต้องจ่ายตังค์ เพราะเราเป็นผู้เสพ



ส่วนในฝั่งของผู้สร้างคือร้านอาหารก็ได้รับผลตอบแทนเป็นตัวเงิน เพราะเค้าลงทุนรังสรรค์ประสบการณ์ทั้งหมดที่ผู้เสพได้รับ 


ยกอีกหนึ่งตัวอย่างให้เห็นภาพค่ะ เวลาเราไปดูภาพยนตร์เราก็เมามันส์เลยกับการดูภาพยนตร์ มีความสุขกับสิ่งที่เราได้เห็น ได้ข้อคิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ กลับกัน ผู้สร้าง,โรงหนัง เค้าเป็นผู้สร้างเค้าก็แบ่งส่วนแบ่งค่าตั๋วกันไป วินวิน 



เวลาเรารับชมกันทุกวัน Youtube แต่ละคลิปวิดีโอที่เราดูกันฟรี ๆ เราได้ความสนุก แง่คิด แรงบันดาลใจจากผู้สร้าง คอนเทนต์ครีเอเตอร์เจ้าของช่องเค้าก็ได้รับส่วนแบ่งยอดวิวจาก Youtube ไป 



ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเปลี่ยนจากผู้เสพเป็นผู้สร้างเมื่อนั่นเราจะดึงดูดเงิน ชื่อเสียง ความสำเร็จได้ ตามความสามารถของเรา ซึ่งตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ทาร่าคิดขึ้นมาได้ว่า เฮ้ย!! เราเลย!!! เราสนใจในเรื่องของการพัฒนาตัวเอง การลงทุน ธุรกิจ ทั้งอ่าน ทั้งฟัง ทั้งเรียน แค่คอร์สกระจุ๊กกระจิ๊กนี่หมดไปเกิน 7 หลัก (ในระยะเวลาหลายปีนะ) ทำให้เราอยู่ในฝั่งของผู้เสพมาโดยตลอด



พออ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทาร่าก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือนี่ถึงเวลาที่เราต้องย้ายฝั่งมาเป็นผู้สร้างแล้ว เพื่อแชร์ความรู้ในสิ่งที่เราสะสมมานานจนกลายเป็นบล็อก “เทคนิคเพี้ยนๆ เปลี่ยนชีวิตได้จริง” ในทุกวันนี้ค่ะ 


📙📙📙


ใครอยากพัฒนาตัวเองแบบใช้สกิลที่ทาร่าสะสมมาเพิ่มเติม ทาร่าได้เผยไต๋ไว้หมดแล้วในหนังสือ “Power of Vision Board: เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ” วิธีเสกชีวิตในฝันได้ง่ายๆ แค่หารูปที่เราชอบมาแปะๆ ไว้ในที่ๆ สามารถมองเห็นได้ทุกวัน ทาร่าบอกได้เลยว่าในชีวิตนี้ยังไม่เคยเจอใครที่ใช้ Vision Board แล้วไม่ได้ผล.. มีแต่รู้จักรึเปล่า เคยใช้รึยัง?? แค่นี้จริงๆ

 


 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

 

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

 

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj


❤💙💚💛💜



ติดตามทาร่าได้ที่:

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

 

Youtube: tarathow

 

IG: tarathow

 

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

 

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

 

Blogspot: tarathow.blogspot.com

 

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow

 












เปิดเทคนิคขายดี “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ที่ขายอะไรก็มีคนซื้อ


ทาร่า คิดว่านาทีนี้ในประเทศไทยคงไม่มีใครไม่รู้จักพิมรี่พาย หรือ พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์​

เจ้าของเพจ “พิมรี่พายขายทุกอย่าง” อดีตแม่ค้าตลาดธรรมดาที่วันนี้เธอกลายเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่กุมบังเหียนอาณาจักรพิมรี่พาย 



ต้องบอกว่าเป็นอาณาจักรจริงๆ เพราะเธอขายสินค้าตั้งแต่น้ำพริก น้ำจิ้ม ซอสถั่วเหลือง ขนม เครื่องสำอาง น้ำหอม เครื่องรางของขลัง ทัวร์ แถมยังเป็นเจ้าของค่ายเพลงชื่อดังและธุรกิจอีกหลายอย่าง รายได้มากกว่า 1000 ล้าน ฟังแล้วตกใจใช่มั้ยคะ แต่เดี๋ยวค่ะ อย่าตกใจก่อน ยังมีเรื่องให้ตกใจอีกเยอะ


พิมรี่พาย มีผู้ติดตามเพจกว่า 7.5 แสนคน เธอใช้เวลา 3 ปี สร้างปรากฏการณ์กล่องสุ่ม 100 ล้าน , ทำคลิปเชิง CRS ช่วยเหลือผู้คน ภายใต้คอนเซปต์ Pay it forword อะไรอยู่ภายใต้ความคิดของผู้หญิงคนนี้ 


วันนี้ทาร่าเลยจะมาสรุปให้ฟังสั้นๆ ในส่วนที่คิดว่าถ้าใครที่ทำธุรกิจอยู่สามารถปรับนำไปใช้ได้ทันทีผ่านคลิป ครั้งแรกของการให้สัมภาษณ์ของพิมรี่พาย ถามตรง ตอบจริง!! #WoodyXPimrypie ผ่านทางช่อง พิมรี่พาย บน Youtube ซึ่งมีผู้ชมกว่า 4 ล้านคนภายในเวลาแค่ 2 วัน 


พิมรี่พายเล่าให้วู้ดดี้ ฟังว่า เทคนิคที่ทำให้ขายดีของพิมคือมีไม่กี่อย่าง สินค้าที่เราขายต้องให้ลูกค้าซื้อซ้ำ ซื้อไปให้ชอบ ชอบแล้วกลับมาซื้อ ไม่กลับมาซื้อก็ไปเมาท์กัน ให้ไอคนที่เมาท์มาซื้อ 



ตำราคลาสสิคแต่ต้องเปลี่ยนกิมมิคในการขาย 


พิมรี่พายขายของเหมือนขายให้คนรัก คนสนิทค่ะ เธอเรียกลูกค้าว่า เพื่อนรัก เธอบอกว่า การขายคือจุดเริ่มต้น ครั้งแรกคือเริ่มต้นเพิ่งรู้จักกัน เดี๋ยวต้องรู้จักกันมากกว่านี้ต้องมีการซื้อซ้ำ ต้องชอบต้องให้ลูกค้าเป็นซุปเปอร์แฟน เชื่อมั้ยว่ามีลูกค้าที่เปย์ซื้อของจากเพจพิมรี่พายขายทุกอย่างเดือนละ 10 ล้านก็มี 


ซื้อแล้วใช้ซ้ำทาร่าคิดว่า มันคือเทคนิคคลาสสิคที่สอนกันมาทุกตำรา แต่เธอเอามาปรับใช้ได้อย่างลงตัว อีกอย่าง ลูกค้าซื้อของพิมรี่พายเพราะเชื่อใจ เธอทำให้ลูกค้าเห็นแล้วว่าผู้หญิงที่ชื่อพิมรี่พาย ไม่มีทางค้ากำไรแบบเอาเปรียบแน่นอน



ลูกค้าคือครู 


นอกจากนั้นพิมรี่พายยังคิดเสมอว่า ลูกค้าคือครู ถ้ามีลูกค้ามาคอมเมนต์ว่าสินค้าไม่ดี เราต้องรีบแก้ไข รีบทำความเข้าใจกับลูกค้าแล้วนำคำติไปปรับปรุงสินค้าทันที พิมรี่พายจะรีบแก้ทันที ไม่มีทำให้ลูกค้าเสียเวลา แล้วยังเน้นว่า ตอนนี้ปลาใหญ่แพ้ปลาไว 


พิมรี่พาย เสริมว่า เธอน้อมรับคำแนะนำที่มีประโยชน์ของลูกค้าทุกคำ อะไรคือดีเราเอามาปรับใช้หมด จะสอน แนะนำ มีฟีดแบ็คยังไง เธอทำตาม



ต้องบริหารเวลาเป็น


สิ่งที่ให้ทาร่ารู้สึกทึ่งในตัวเธอคือ เธอคิดว่าคนเราต้องบริหารเวลาให้เป็น แม้เธอทำงานไม่หยุด 8 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มีเวลาพัก คีย์หลักของการใช้ชีวิตที่เธอมีคือ ทุกวันต้องมีผลลัพธ์ ในหนึ่งวันต้องทำอะไรให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือ เรื่องใหญ่ 



ใช้เซนส์มากกว่าหลักการ 


เธอไม่ได้เรียนหนังสือสูง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือการใช้สัญชาตญาณ ในการแก้ปัญหา ภายใต้แนวคิด คือถ้ารู้ว่าเกิดปัญหาผิดพลาดตรงไหนต้องรีบแก้ปัญหา


ไม่มีเวลาเสียใจ


วู้ดดี้ถามเธอว่า การทำธุรกิจแล้วเจ๊ง ล้มเหลว แล้วมานั่งฟูมฟายเป็นอะไรมั้ย เธอบอกว่า เสียเวลานะ มานั่งร้องไห้ แถมยังแอบแซวว่า ที่พิมพูดมันพูดง่ายนะ แต่มันทำยาก แต่ถ้าคุณทำได้ชีวิตจะไปต่อได้เลย แนวคิดนี่มาจากวันหนึ่งในช่วงวัยเด็ก ที่บ้านมีปัญหา ที่บ้านมีคนมาทวงหนี้ คุณพ่อก็ตังค์หาย แถมเค้ายังจะมายึดรถอีก เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน 


แน่นอนว่าคุณพ่อเสียใจมาก ร้องไห้ ฟูมฟาย สักพักปัดน้ำตา แล้วล้มตัวลงไปนอน พิมอยู่ในเหตุการณ์แล้วก็งงว่า เอ้า เห็นคุณพ่อหลับเธอก็เข้าไปปลุก เพราะคุณพ่อหลับแบบกรนเลย (ในใจคือเป็นห่วงนึกว่ากินยานอนหลับ กลัวจะเป็นอะไร) 


ทายสิคุณพ่อทำยังไง


คุณพ่อบอกเธอว่า ไม่มีเวลาต้องนอนพรุ่งนี้ต้องทำงาน พ่อร้องไห้โหใหญ่ น้ำตาไหลเสร็จ รีบนอนเลย แล้วก็บอกเธอแค่นั้น แค่หนึ่งประโยค ทำให้เด็กหญิงพิมรี่พายจำมาถึงทุกวันนี้ว่า ไม่มีเวลาให้กับความเสียใจ 


สิ่งที่ทำให้ทาร่าชอบคือเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงที่ฟังเธอเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา มันทำให้ใจฟู มีแรงบันดาลใจ และ พยักหน้าให้เมื่อเธอพูดขึ้นมา เธอมีสิทธิ์เหมือนฉันได้ถ้ายังไม่ตาย เธอสร้างตัวเองจาก 0 พิสูจน์ให้เห็นว่าต้นทุนไม่สูง แต่ถ้าเราขยัน ไม่เอาเปรียบคนอื่น มีใจที่อยากจะให้คนอื่น ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้ 





อย่าให้อะไรมาเป็นตัวกำหนดชีวิต แม้โรคโควิดมา คุณดูแลตัวเองให้ดี เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ไม่ได้ส่งผลอะไรเลยกับคนแบบพิมรี่พาย เธอพยายาม และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายคนรวมทั้ง รวมทั้งเป็นไอคอนของผู้หญิงในยุคนี้เลยค่ะ 


พิมรี่พาย เป็นอีกบุคคลที่ถือว่าน่าสนใจมากๆ ค่ะ 

Credit Photo : Facebook พิมรี่พาย

 

📙📙📙


สำหรับใครที่สนใจ how-to ทำ vision board ให้ได้ผลเป๊ะปัง เสกชีวิตในฝันได้ง่ายๆ แค่หารูปที่เราชอบมาแปะๆ ไว้ในที่ๆ สามารถมองเห็นได้ทุกวัน ทาร่าขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ



 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow


แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj



❤💙💚💛💜


ติดตามทาร่าได้ที่:


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

Youtube: tarathow

IG: tarathow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow




11 ธันวาคม 2564

มองโลกในแง่ดี ด้วยเทคนิคง่ายๆ 3 ข้อ

ถ้าคุณอยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี เป็นคนที่คนใกล้ตัวอยากอยู่ใกล้ๆ เป็นคนที่ใครๆ ก็รัก

วันนี้ทาร่าจะมาแชร์วิธีง่ายๆ ที่ใช้ได้จริง แถมใช้ได้ทันที



ข้อแรก เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เช่นที่ทำงาน ที่บ้าน ถ้าที่ที่เราอยู่ไม่ได้มีคนคิดบวก มีแต่คนคิดลบ คิดแต่แง่ที่บั่นทอนกำลังใจ ถ้าเรายังเปลี่ยนเค้าไม่ได้ (เพราะบางทีมันก็ยากอ่ะนะ) เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมจริงๆ ไม่ได้ 


งั้นเราเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เราติดตามก็ได้ เราอาจเริ่มจากเลือกติดตามแฟนเพจใน Facebook

ของคนที่มีทัศนคติในแง่บวก เลือกได้เลยว่าเราชอบทัศนคติของคนไหน เราก็พยายามอ่านเรื่องราวดีๆ

ของเค้าเพื่อติดตามวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิตเพื่อให้เรามาปรับใช้ได้



ข้อที่สอง ฝึกตัวเองโดยการบ่นในแง่บวก อ่านแล้วจะงงๆ ใช่มั้ยคะ เมื่อก่อนเวลาเราบ่นแฟนก็จะบ่นว่า หน้าตาขี้เหร่ โง่ แล้วยังขี้เกียจอีก นี้คือวิธีบ่นแบบเก่า เป็นภาษาที่เป็นลบ แต่วิธีบ่นแบบใหม่นี้ง่ายกว่านั้นค่ะ 

เราเปลี่ยนมาใช้คำที่บวกกว่า เช่นบ่นแฟนว่า หน้าตาไม่ดี ไม่ฉลาด แล้วยังไม่ขยันอีก คือเราไม่ใช่ไม่บ่นซะทีเดียว

แต่เป็นการเปลี่ยนภาษาในการพูด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฟกัสในการมองโลก ซึ่งถ้าเราทำบ่อยๆ

โลกของเราจะดูดีขึ้นมาทันที



ข้อที่สาม ข้อนี้สำคัญในการที่เราจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี เลือกใช้เวลาสั้นๆ ตอนตื่นเช้า หรือ ก่อนนอน เพื่อฝึกขอบคุณตัวเอง ขอบคุณชีวิต ขอบคุณโชคชะตา (ภาษาอังกฤษ คือ Gratitude) ฝึกทำตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ว่าชีวิตจะแย่ น่าเบื่อ ท้อแท้ แค่ไหน อย่างน้อยเราทำสิ่งนี้ได้ทุกวัน แวะขอบคุณตัวเองว่า อย่างน้อยเราก็ยังมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น หรือ อย่างน้อยเราก็ยังได้นอนบนเตียงที่อบอุ่น มีบ้าน มีผ้าห่ม มีหมอน หรือถ้างานมันเหนื่อยมันแย่ น่าท้อแท้ ให้คิดไว้ว่า อย่างน้อยเราก็ยังมีงานทำ สิ้นเดือนเงินเดือนเราก็เข้าแล้ว

ฝึกขอบคุณตัวเองจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำได้ ฝึกชื่นชมสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น

ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราเป็นคนโชคดี ทุกคืนก่อนนอน หรือทุกเช้าก่อนนอน เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้เลย



สามเทคนิคง่ายๆ ที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนมองโลกในแง่บวกได้ง่ายๆ ข้อแรก เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ข้อที่สอง ฝึกตัวเองโดยการบ่นในแง่บวก ข้อที่สาม เลือกใช้เวลาสั้นๆ ตอนตื่นเช้า หรือ ก่อนนอน เพื่อฝึกขอบคุณตัวเอง ลองนำไปปรับใช้ดูแล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นกว่าเดิม


❤️🧡💛💚💙


มองโลกดีแล้วชีวิตเราก็ต้องดีด้วยค่ะ สำหรับใครที่สนใจ how-to ทำ vision board ให้ได้ผลเป๊ะปัง

เสกชีวิตในฝันได้ง่ายๆ แค่หารูปที่เราชอบมาแปะๆ ไว้ในที่ๆ สามารถมองเห็นได้ทุกวัน ทาร่าขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ


สนับสนุนทาร่าได้ที่


📙📙📙


หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl
E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0
E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

ติดตามทาร่าได้ที่:

Youtube: tarathow