01 มีนาคม 2565

จุดอ่อนของคนที่เก่งที่สุด

 ทุกคนคิดว่าจุดอ่อนของคุณคืออะไรคะ?? เราขี้เกียจ เราไม่อดทน เราหัวร้อน เราใจเย็น ทำอะไรเชื่องช้าเกินไป ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง…… คนที่ประสบความสำเร็จ!!!


เรื่องนี้ทาร่าได้มาจากหนังสือ Big ideas for Curious Minds and Introduction to Philosophy ถ้าแปลเป็นไทยคือ หนังสือปรัชญาเบื้องต้นสำหรับเด็กนั่นเองค่ะ 



เล่มนี้ได้มาจากความบังเอิญมากๆ เพราะสามีผู้ประเสริฐ มีความเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต มีความสุขในทุกวัน และก็อยากเห็นทุกคนรอบตัวมีความสุขด้วย ก็เลยไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาให้เป็นของขวัญวันเกิดเด็ก 7 ขวบ!!! ไม่ใช่ลูกตัวเองด้วยนะ แต่เป็นงานวันเกิดเพื่อนลูก โอ๊ยยย แม่นี่คิดภาพตามแล้วถึงกับกุมขมับ เด็กชายวัย 7 ขวบกำลังนั่งแกะของขวัญวันเกิดตัวอย่างอย่างตื่นเต้น ผ่านไปแต่ละกล่องก็ลุ้นว่าจะได้อะไร และก็ค้นพบเจ้าสิ่งนี้….. หนังสือปรัชญาชีวิตสำหรับเด็ก ตึง!!! ถ้าเพื่อนเอาไปพูดต่อที่โรงเรียน ต่อไปคงจะไม่มีใครอยากชวนลูกเราไปงานวันเกิดแล้วล่ะเธอ 😅



Credit : Pixabay


หนังสือเล่มนี้เลยกลายมาเป็นสมบัติของบ้านเราที่ปะป๊าบอกให้แม่เอามาอ่านให้ลูกฟังดุจดั่งนิทานก่อนนอนเพื่อเป็นแสงไฟส่องทางในชีวิตของลูกเราทั้งตอนนี้และตอนโต โวะ!!! แม่ส่ายหน้าด้วยความเพลีย แต่ก็ลองหยิบมาอ่านดู แล้วก็พบว่า…….. มันดือมาก!!! ใครมีลูกวัยประถมนี่แนะนำเลยค่ะ เป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ มีรูปประกอบพอกรุบๆ เนื้อหาแต่ละบทไม่เยอะ ไม่น้อยจนเกินไป อ่านคืนละบทกำลังดี… และที่สำคัญ ไม่ได้แค่สอนลูกนะคะ แต่คนเป็นแม่เองก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ เล่มนี้ทาร่ารักเลย 💖



เอาล่ะโม้มาเยอะ ไม่ได้เปอร์เซ็นต์อะไรจากสำนักพิมพ์เลยนะคะ งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ 🥳



Weakness of strength theory (แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ทฤษฎีจุดอ่อนของจุดแข็ง) บอกไว้ว่า ทุกคน ทุกอย่าง บนโลกใบนี้ ล้วนมี ข้อดี และ ข้อเสียในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น



ยกตัวอย่าง ถ้าเราต้องการเดินทางไกล ข้ามประเทศ ข้ามทวีป ใช้เวลาน้อยที่สุด สบายที่สุด เราต้องนั่งเครื่องบินจริงมั้ยคะ จากซิดนีย์ไปประเทศไทยใช้เวลาแค่ 8 ชั่วโมง 



แต่… แต่… แต่…. ถ้าเราจะออกไปปากซอย ซื้อขนม ชานมไข่มุก ข้าวราดกะเพราไก่ไข่ดาวล่ะ?? ในเมื่อเครื่องบินเป็นยานพาหนะที่สุดยอดมากๆ สามารถขนคนได้ทีละเป็นร้อย แถมยังเดินทางได้ไกล ในเวลาอันรวดเร็วอีก งั้นเราควรนั่งเครื่องบินไปใช่ไหม?? คำตอบ คือ ไม่ใช่!!! ไม่ใช่แค่ไม่เหมาะ ไม่ควร แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย จริงมั้ย!!



✈️ จุดแข็งของเครื่องบิน คือ มีขนาดใหญ่ สามารถเดินทางไกล ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เครื่องบินถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการเดินทางไกล ด้วยข้อดีของเค้านี่แหละที่กลายมาเป็นข้อจำกัดสำหรับการเดินทางในระยะสั้นด้วยเช่นกัน



 Credit : Pixabay


🌈 ตามสำนวนว่า Put the right man on the right job เราต้องใช้คน ให้เหมาะกับงาน หากคุณเป็นนักฟุตบอล คนตัวเล็ก วิ่งเร็ว ต้องอยู่กองหน้า จะให้คนตัวเล็ก วิ่งเร็วไปอยู่กองหลัง ไปเป็นนายประตู ก็ไม่ได้ 



บางคนเป็นนักกีฬาเหรียญทอง มีวินัยตื่นเช้า ซ้อมหนัก พักผ่อนตรงเวลา กินอาหารครบ 5 หมู่ แน่นอนว่าจุดแข็งเหล่านี้ทำให้เค้าประสบความสำเร็จในชีวิตนักกีฬา แต่ในขณะเดียวกัน จุดแข็งที่ช่วยให้เค้าเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ก็อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนในการเข้าสังคมของเค้าก็ได้ 



🌟 เรื่องนี้สอนเด็กๆ ให้ชื่นชมและยอมรับทุกคนในแบบที่เค้าเป็น และสอนให้เด็กๆ รู้ว่า ทุกนิสัย ทุกสิ่งของ ทุกบุคคล ล้วนมีข้อดี และ ข้อเสีย ในตัวเองเหมือนกัน ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์พร้อมไปทุกด้าน 




Credit : Pixabay


และจุดแข็งของคนคนนึงในสถานการณ์นึง ก็อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของคนคนเดิมในสถานการณ์อื่นก็ได้



เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยถ้าเราเกิดมาไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจเล่นกีฬาเก่ง แต่ร้องเพลงไม่ได้ อาจเก่งวิชาคณิตศาสตร์ บวก ลบ คูณ หารเป๊ะเว่อร์ แต่พอให้วาดรูป คุณครูให้วาดไก่ดันออกมาเป็นเป็ดซะงั้น สิ่งสำคัญอยากให้เรายอมรับตัวเอง และ คนอื่น ยอมรับสิ่งของ สมบัติ นิสัย ที่ทุกคนมีนั่นเอง



สำหรับใครที่ชื่นชอบศาสตร์พัฒนาตัวเอง อยากมีชีวิตของตัวเองได้ ทาร่ายังมีอีกหนึ่งศาสตร์มาแนะนำด้วยค่ะ 🎯 Vision Board คือการนำรูปที่เราอยากได้ อยากมี อยากเป็น มาวางไว้ในที่ที่เราสามารถเห็นได้ในทุกวัน เพื่อเป็นการเตือนสมองในส่วนของจิตใต้สำนึกถึงเป้าหมายอย่างแท้จริงในชีวิตของเรา ที่สำคัญมันทำง่ายและได้ผลพันเปอร์เซ็นต์ 💯 เลยค่ะ



 📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow






23 กุมภาพันธ์ 2565

Energy Detox รีบูทร่างกายแค่ 2 นาที

มีใครเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ?? 

Qi Gong (ชี่กง) เป็นการฝึกสมาธิและการฝึกหายใจ ถือกำเนิดที่ประเทศจีน มีนานนับพันปี เป็นศาสตร์ที่คนจีนรู้จักกันดี และช่วยปรับร่างกายของคนจีนให้สมดุล เป็นพลังการรักษาแบบป้องกันก่อนเกิดโรค และฮอตฮิตจนคนตะวันตกนำมาทำตามด้วย


      Credit: satoriqigong

ทาร่าอยากแนะนำประวัติคร่าว ๆ ของศาสตร์นี้ก่อนค่ะ ‘ชี่กง’ เป็นการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนแบบโบราณที่รู้จักกัน ในด้านพลังการรักษาที่น่าอัศจรรย์ เป็นการผสมผสานระหว่างการหายใจอย่างนุ่มนวล การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และการทำสมาธิแบบเจริญสติ ถ้าเราได้ทำแล้วเราจะรู้สึกเหมือนใจเต้นแรงเลยค่ะ



มันดีมาก แม้กระทั่ง ดร.ออซ (Mehmet Cengiz Öz) หมอและพิธีกรคนดังระดับโลกเคย กล่าวว่า "ถ้าคุณอยากมีชีวิตยืนถึง 100 ปี จงทำชี่กง"


Credit:whitetigerqigong


ชี่กง มีนับพันแบบค่ะ แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้ง่ายๆ เป็นเรื่องของการ Refresh พลังงานง่ายๆ Energy Detox ใช้เวลาแค่ 2 นาที สูตรนี้ทาร่าได้มากจาก Satori Method ค่ะ ชอบมากเพราะรู้สึกว่าทำง่าย

เข้าใจง่าย แล้วรู้สึกได้ผล



เดี๋ยวทาร่าจะแนบลิงค์ให้ด้วยค่ะ เผื่อเพื่อนๆ ลองทำตาม 




สามารถทำได้ตลอด วันละ1 - 3 ครั้ง แล้วก็กลับไปทำงานตามปกติได้ ง่ายๆ สั้นๆ เป็นเทคนิคที่ทาร่าคิดว่าเจ๋งมากๆ ทำให้เรารีเฟรชร่างกายจากการทำงานที่ล้าๆ พอลองทำแบบนี้คือสดใสขึ้นมาเลยค่ะ 


ทาร่าเชื่อว่าทุกมิติของชีวิตล้วนเชื่อมต่อกันค่ะ ถ้าเรามีสุขภาพที่ดี เราก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเงิน มีความสุข มีความรักที่ดีงามตามมาด้วย ในขณะเดียวกันชีวิตครอบครัวที่ดีงามก็จะช่วยให้เรามีความสุข มีกำลังกาย กำลังใจ ที่จะไปทำงาน สุดท้ายแล้วเราก็จะมีการเงิน และสังคมที่ดีไปด้วย



ทาร่าเชื่อว่าชีวิตที่ดี ต้องดีในทุกมิติ และเครื่องมือนึงที่ทาร่าใช้มาตลอดและชอบมากๆ คือ Vision Board ค่ะ ทาร่าได้รวบรวมทฤษฎีและวิธีใช้ ทั้งจากประสบการณ์ตัวเอง ประสบการณ์เพื่อนๆ และจากทุกตำราที่ทาร่าพอจะเข้าถึงได้ ย่อยให้อ่านง่ายๆ จบได้ภายใน 2 ชั่วโมง และที่สำคัญ มันได้ผล 1000% ขอฝากผลงานนี้ไว้ในอ้อมใจเพื่อนๆ ด้วยนะคะ 


 📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow



SME จะหนีงานได้ยังไง

 ทุกวันนี้ใครทำงานเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก หรือ SME ยกมือค่ะ 🙋 ทาร่ายกสองมือเลยค่ะ 🙆‍♀️ ถึงจะมีหุ้นส่วนก็เหอะ แต่ด้วยความเป็นเจ้าของ ทาร่าก็จะมีความคาดหวัง รวดเร็ว ละเอียด ใส่ใจ ให้บริการ ในแบบที่เจ้าของทำเอง ถ้ามนุษย์เงินเดือนทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ความลับที่เจ้าของธุรกิจ (ในช่วงเริ่มต้น) ไม่เคยบอกคุณ คือ พวกเค้าทำงานวันละ 12 ชั่วโมงกันค่ะ!!


จังหวะเดียวกันกับเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ทาร่าเจอสเตตัสบนเฟสบุ๊คของเพื่อนคนนึงที่บ่นว่า 👉 ตั้งแต่เป็นเจ้าของกิจการเอง ผ่านมา 2 ปีแล้ว ยังทำงานไม่เคยได้หยุดแม้แต่วันเดียว ฮือออ อ่านสเตตัสเพื่อนแล้วนึกว่าก็อปความคิดเรา (ตอนเริ่มธุรกิจใหม่ๆ) มาวางเลยค่ะ เพื่อนทำทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ สากกะเบือ ยันเรือรบ มีเวลาให้ตัวเอง สุขภาพ ครอบครัว น้อยลง จนเค้าเองก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว ฮือ!! อีกรอบ



Credit:Pixabay


💥 ฉันต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว พร้อมกับร้องเพลงพี่ป้าง ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว (ใครเกิดทันแปลว่าเรารุ่นเดียวกัน 😉) เอาเป็นว่า เพื่อนรู้สึกว่าต้องจัดระเบียบชีวิตใหม่ ถ้าขืนยังใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปมีหวังนางคงได้ใช้ชีวิตทางลัด จากที่ควรจะเป็น ทำงานหนัก รวย สบาย สู่ขิต เหลือแค่ ทำงานหนัก แล้วก็ข้ามไปสู่ขิตเลยก็ได้


สเตตัสนี้คอมเมนต์ระเบิดเลยค่ะ เพราะคนทำธุรกิจ SME น่าจะมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ ตัวทาร่าเองก็เคยมีสภาพแบบเดียวกันเลยค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ด้วยแนวความคิดจากหนังสือ The 4 Hours Work Week ของ Tim Ferriss (ชื่อภาษาไทย คือ ทำน้อยแต่รวยมาก) ขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณยังไง 💖


Tim บอกว่า สำหรับคนทำงาน SME ที่ต้องการจะหาเวลาว่างให้ตัวเองนั้นง่ายมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดงานอาทิตย์ละ 1-2 วัน หรือพักร้อนซัก 2 - 4 อาทิตย์ สิ่งที่ต้องก็แค่ 👉 เตรียมตัว และเตรียมใจ ที่จะรับมือสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจเราแค่นั้นเอง เช่น 


🙄 สต๊อกอาจจะหมด 👉 งั้นสอนงานพนักงานไว้ซักคน ดูแล้วใครเหมาะสมที่สุด


🙄 ยอดขายอาจจะลดลง 20% 👉 เตรียมเงินสำรองเผื่อไว้


🙄 พนักงานต้องรอการตัดสินใจ 👉 เปลี่ยนจาก FAQ (คำถามที่พบบ่อย) มาเป็นนโยบายเลย ถ้าเจออะไรที่คล้ายๆ ให้พนักงานตัดสินใจโดยอ้างอิงจากนโยบายของร้านไปเลย


🙄 ขโมย หรือสต๊อกหายไปเพราะพนักงานของเรานี่แหละ 👉 ติดกล้องวงจรปิด และทำประกันไว้ตามความเหมาะสม


🙄 บริการช้าลง 20% 👉 ทำใจ เดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยทำโปรโมชั่นชดเชย กอบกู้ชื่อเสียงเรากลับมา (หายไปแค่ 2 อาทิตย์ มันจะเสียหายได้มาที่สุดแค่ไหน ก็เตรียมแผนฟื้นฟูไว้มากแค่นั้น)


 Credit:Pixabay


🌈 Tim บอกว่า เมื่อเราเตรียมรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่เราสามารถจินตนาการได้ และเตรียมแผนรับมือไว้อย่างรอบคอบแล้ว เชื่อมั้ยคะว่า เวลาที่เราไม่อยู่จริงๆ เหตุการณ์มันจะไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก 🌟


ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ติดตั้งระบบบริหารความเสี่ยง (risk management) ให้ธุรกิจของเรา ถ้า 1-2 อาทิตย์สั้นไป เราอาจจะลองคิดให้ไกลขึ้นก็ได้ แล้วถ้า 1-2 เดือนล่ะ?? หรือ 1-2 ปีล่ะ?? บางอย่างเราอาจจะสามารถทำได้ทันที แต่บางอย่างเราอาจจะต้องใส่ไว้ในแผนงานและค่อยทำในวันที่พร้อม


🌵 Hope for the best, yet prepare for the worst


🌵 คาดหวังว่ามันจะออกมาดีที่สุด แต่ก็พร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นด้วย


ทาร่าเชื่อว่ากฎเหล็กของนักลงทุนข้อนี้สามารถเอามาปรับใช้กับนักธุรกิจได้เหมือนกันค่ะ



     Credit:Pixabay


และทาร่าก็เชื่อว่าเหตุผลที่หลายคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นไม่ได้มีแค่ ‘เงิน’ เท่านั้น แต่เราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเวลาให้คนที่เรารัก มีเวลาดูแลสุขภาพ และมีเวลาหาความสุขให้ตัวเองด้วย ทาร่าหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างนะคะ 🥳


🌈 ทาร่ายังมีอีกเทคนิคดีๆ ที่อยากจะแบ่งปันกับเพื่อนๆ ด้วยค่ะ 👉 Vision Board คือการเอารูปที่เราอยากได้ อยากมี อยากเป็น มาวางไว้ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ในทุกวัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการตัดแปะยังไงให้ได้ผล คือการตกตะกอนความคิดของเราให้ออกมาเป็นภาพที่ชัดเจนต่างหาก หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิต ว่าตกลงแล้วคุณต้องการเงิน หรือความมั่งคง มั่งคั่ง หรือแค่อิสรภาพในการใช้ชีวิตโดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องเงินกันแน่??? เมื่อเป้าหมายถูกแล้ว เดี๋ยวเส้นทางมันก็มาเองล่ะค่ะ และนี่คือความมหัศจรรย์ของ Vision Board ที่ทาร่าอยากให้ทุกคนได้รู้จัก 💖💖💖



📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow





'พลังการขอ' วิจัยมาแล้วว่า 93% มนุษย์ยอมให้แซงคิว

มนุษย์ทุกคนถูกเทรนมาตั้งแต่เด็ก 👉 ให้เป็นมนุษย์รับคำสั่ง 👈 เฮ้ยยยย จริงดิ ทาร่าได้ยินเรื่องนี้มาจาก Kerwin Rae โค้ชธุรกิจชื่อดังที่ออสเตรเลียนี่เองค่ะ



Kerwin ได้เล่าเล่าเรื่อง Power of Asking ไว้ว่า มีการทดลองนึงที่จัดทำขึ้นที่ประเทศอเมริกา การทดลองนี้น่าสนใจมาก และสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างของความเป็นมนุษย์เลยค่ะ



🌈 โจทย์คือเค้าอยากรู้ว่า ถ้าเราอยากได้อะไร แล้วเราแค่ถามออกไป คนอื่นจะตอบเรายังไง?? 


🌈 วิธีการทดลอง คือ ส่งคนไปขอแซงคิวถ่ายเอกสาร ตอนพักเที่ยง ในห้องสมุดค่ะ เพราะในสมัยนั้นเครื่องถ่ายเอกสารเป็นสิ่งป๊อปปูล่ามาก นักศึกษาจำนวนมากจะต้องต่อแถวเพื่อเข้าคิวถ่ายเอกสารตอนช่วงพักกลางวัน


Credit : fun-japan.jp

โดยมี script 3 แบบที่ใช้ในการทดลอง เพื่อดูว่า… การขอแบบไหนที่จะมีโอกาสได้แซงคิวมากที่สุด?? และผลการทดลองออกมาแบบนี้ค่ะ 👇



🤓 แบบที่ 1 ขอเฉยๆ เช่น ขอโทษนะคะ ฉันขอถ่ายเอกสารก่อนได้ไหมคะ ของฉันมีแค่ 5 หน้าเอง 👉 และผลที่ออกมา คือ 60% ของคนที่ถูกถาม ยอมให้แซงคิวได้!! เฮ้ยย ถ้ามีคนข้างหน้าเรา 10 คน นี่เราก็แซงได้ 6 คนละนะ แค่ขอเราขอเฉยๆ นะ



🤓 แบบที่ 2 ขอและให้เหตุผลจริงๆ ไปด้วย เช่น ฉันขอถ่ายก่อนได้มั้ยคะ อีก 15 นาทีก็ต้องไปเรียนแล้ว และต้องใช้เอกสารนี้ในคลาสนี้ด้วยอ่ะค่ะ 👉 สิ่งที่เกิดขึ้น คือ 94% ของคนยอมให้แซงคิวได้ค่ะ 



🤓 แบบที่ 3 (อันนี้ทาร่าว่าน่าสนใจที่สุด) คือ ขอและให้เหตุผลมั่วๆ อะไรไปก็ได้ และมีคำว่า ‘เพราะ’ เช่น ขอถ่ายเอกสารก่อนได้ไหมคะ เพราะฉันต้องถ่ายเอกสารนี่จริงๆ ค่ะ (เอ่อ ข้างหลังเพราะมันเป็นเหตุผลตรงไหน 😅)  👉 แต่ผลที่ออกมาก็อิหยังวะพอๆ กับประโยคที่เอามาใช้ในการทดลอง คือ 93% ของคนที่ถูกขอ อนุญาตให้แซงคิวค่ะ (อิหยังวะมั้ยล่ะ)



Kerwin Rae ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงการทดลองนี้ว่า มนุษย์เราทุกคนถูกเทรนมาตั้งแต่เด็กให้เป็นมนุษย์รับคำสั่งค่ะ จำตอนที่เราเป็นเด็กได้ไหมคะ?? ตารางกิจวัตรประจำวันทั้งวันของเรา ตั้งแต่เช้ายันเย็นก็มาจาก ‘บุคคลภายนอก’ ทั้งนั้น ตั้งแต่เวลาตื่น ไปโรงเรียน ต้องเรียนอะไร ต้องกินอะไรในแต่ละวัน ต้องนอนกี่โมง ไปร้านอาหารก็ต้องกินเมนูแนะนำ และอื่นๆ อีกมากมายที่เราเองก็ยินยอมพร้อมใจที่จะทำตาม โดยที่ไม่เคยแม้แต่จะตั้งคำถาม


ไม่สิ โตมาเราก็ไม่เอะใจที่จะตั้งคำถามแล้ว แต่ตอนเป็นเด็ก ทุกคนน่าจะเคยสงสัย ถาม และได้รับคำตอบกลับมาแบบเดียวกันจนชินแล้ว ไม่ว่าจะเป็น


  • แม่บอกให้กิน หนูก็ต้องกินนะคะ

  • เด็กดีต้องเชื่อฟังพ่อแม่ (จึ้ก!)

  • เค้าว่ากันว่าบลาๆๆๆ


คนส่วนใหญ่รู้สึกคุ้นชินกับการมีคนมาบอกว่าเราต้องทำอะไร หรือไม่ทำอะไร และ (น่าสนใจ) เรายอมรับคำอธิบายที่มันอิหยังวะมาตั้งแต่เด็ก จนมันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราค่ะ แน่นอนว่าถ้าเรามีสติดีๆ เราอาจจะไม่ตอบแบบนี้ แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เราไม่มีเวลามาตรึกตรองอย่างละเอียดรอบคอบ สัญชาติญาณจะบอกเราให้ “รับคำสั่ง” มาก่อน เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเราถูกเทรนมาตั้งแต่เด็กค่ะ 


🌈 สรุปผลบของการทดลองนี้อีกทีนะคะ


ไม่กล้าขอ = โอกาสได้ 0%


ขอเฉยๆ = โอกาสได้ 60%


ขอพร้อมเหตุผล = โอกาสได้ 91% - 94%


🌈 เมื่อรู้แบบนี้แล้ว…. คุณจะเลือกอะไร??



Credit:Ted

Power Of Asking อีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ที่ทาร่าคิดว่าทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เลยทันที แต่ทาร่าก็ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจมากๆๆๆ อีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนได้รู้จักและลองใช้กันนะคะ 👉 Vision Board คือการที่เรานำภาพความฝันของเรามาติดไว้ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ในทุกวัน เหมือนเป็นการตั้ง GPS ให้รถก่อนออกเดินทาง ที่จะช่วยให้เราไปถึงจุดหมายอย่างแน่นอน และไม่ว่าเราของเราจะออกนอกเส้นทางสักกี่ครั้ง เจ้า GPS อันแสนอัจฉริยะนี้ก็จะหาทาง ‘reroute’ และพาเรากลับสู่จุดหมายเดิมเสมอ เล่มนี้อ่านง่าย จบภายใน 2 ชั่วโมงเลยค่ะ 👇


 📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 


แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow