18 เมษายน 2565

แก้โรคกลัว Phobia ง่าย ๆ ภายใน 10 นาที

ความกลัวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในมนุษย์แทบทุกคน ความกลัวในสิ่งที่น่ากลัวและกลัวอย่างพอดี นั้นเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์สำหรับมนุษย์เราค่ะ เช่น ถ้าเจอเสือ เจองู แน่นอนว่าสัญชาติญาณความกลัวนั้นจะช่วยให้เรามีชีวิตรอดและได้ไปต่อ


แต่ถ้าความกลัวของเรามันมากเกินไป หรือเรา (วัดด้วยมาตรฐานของตัวเองนะคะ) กลัวในสิ่งที่ไม่ควรจะกลัว เช่น กลัวผี เลือด กลัวความสูง กลัวการพูดในที่สาธารณะ จนรู้สึกรำคาญตัวเอง และอยากที่จะเอาชนะความกลัวนี้ซักที


เช่น คุณน้าที่ทาร่ารู้จักคนนึงเป็นโรคกลัวความสูงจนใช้ชีวิตลำบากในหลายๆ ครั้ง ทั้งตอนที่ต้องขึ้นเครื่องบิน และเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งไปกับครอบครัว และไปพบเจอลูกค้า… ถ้าไปญี่ปุ่น คุณน้าเธอก็ไม่สามารถที่จะขึ้นไปดูวิวบน Tokyo Tower ได้ และในขณะที่ญาติๆ ของเธอกำลังดูวิวอยู่บน Sydney Tower คุณน้าเธอก็ต้องนั่งพักหน้าลิฟท์ พร้อมกับยาดมคู่ใจ


ถ้าใครที่กลัวจนนอยด์ตัวเองในระดับนี้… วันนี้ทาร่ามีเทคนิค NLP (Neuro Linguistic Programming - ศาสตร์พฤติกรรมของสมองและจิตใต้สำนึกโดยชุดภาษา) มาฝากกันด้วยค่ะ


Credit : Pixabay 


🌵 ขั้นตอนที่ 1 ให้เราคิดถึงเหตุการณ์ที่เรากลัวที่สุด ร้ายแรงที่สุด เท่าที่เรานึกออก 


ไม่ว่าคุณจะกลัวแมลงสาบ กลัวหนู กลัวความสูง กลัวเลือด กลัวเข็ม กลัวตาย กลัวผี กลัวความเร็ว กลัวรถ กลัวคน กลัวผู้ชาย กลัวอะไรก็ตาม 


ถ้าใครที่นึกถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดไม่ได้ ให้คิดถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เราเจอมาก็ได้ค่ะ


ให้เราคิดถึงรายละเอียดในเหตุการณ์นั้น ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบ 


คีย์เวิร์ด คือมันต้องมีจุดเริ่มต้น มีจุดจบ และผ่านจุดจบไปด้วยนะคะ


เช่น คุณน้าขึ้นเครื่องบิน พอนั่งลง คาดเข็มขัด ฟังพนักงานพูดอะไรต่างๆ แล้วเครื่องบินก็ค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า มันสั่นมากๆ โคลงเคลงจนรู้สึกคลื่นไส้ หายใจไม่ออก แล้วเครื่องบินก็ค่อยๆ นิ่งขึ้น สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง แอร์เริ่มเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม …… จนกระทั่งมีประกาศว่าให้ทุกคนกลับมานั่งที่เดิม รัดเข็มขัด ปรับเก้าอี้ขึ้น เปิดหน้าต่าง เครื่องบินสั่นอีกที หูเริ่มอื้อ ใจหล่นวูบบบ ตึกรางบ้านช่องใกล้ๆ เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น ล้อเครื่องบินกระทบพื้นจนได้ยินเสียงกึก เครื่องบินยังวิ่งต่อไปอีกระยะ แล้วก็ค่อยๆ ชะลอลง และจอดในที่สุด แอร์ประกาศขอบคุณ จนคุณน้าลุกขึ้น หยิบกระเป๋า และเดินออกจากเครื่องบินไปอย่างปลอดภัย พิ่วววว



                                            Credit : Pixabay

🌵 ขั้นตอนที่ 2 ให้เราจินตนาการถึงเหตุการณ์เมื่อกี้เหมือนว่าเรากำลังดูหนังอยู่ โดยที่มีตัวเองเป็นนักแสดงคนนึง


ให้เราหลับตาและจินตนาการจอหนังใหญ่ๆ ขึ้นมา และเราก็นั่งดูมันอยู่ เหมือนว่าเรากำลังดูหนังในโรง (อาจจะกินป๊อปคอร์นไปด้วยก็ได้ แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ) 


แล้วหนังก็เริ่มฉายแล้ว.. โดยเป็นเรื่องที่เราคิดไว้ในข้อ 1 นี่แหละค่ะ ให้เราเห็นตัวเองเป็นนักแสดงคนนึงที่อยู่ในนั้น // ในขณะที่ตัวเราจริงๆ นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ และเป็นแค่คนดูเท่านั้น


ให้เราเห็นว่าเรา (ที่อยู่ในหนัง) นั้นกลัวแค่ไหน 


🌵 ขั้นตอนที่ 3 จินตนาการว่าเราดูหนังไปจนเลยจุดจบ แล้วกด replay เพื่อให้มันเล่นอีกครั้งด้วยความเร็ว x 2


ในฐานะคนดูที่จิกมือเพราะความกลัวและอดลุ้นไปกับหนังตรงหน้าไปด้วยไม่ได้ แต่ในที่สุดมันก็จบ เย้… คุณน้าเดินลงจากเครื่องบินไปอย่างปลอดภัย และกำลังรอรับประเป๋าอยู่ที่สายพาน พิ่วววว เราถอนหายใจไปพร้อมกับนักแสดง


แล้วเราก็กด “หยุด” แล้วก็กดปุ่ม “replay” เพื่อให้หนังเรื่องนี้ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้งด้วยความเร็ว 2 เท่า


คุณน้ารอกระเป๋า เดินถอยหลังกลับขึ้นเครื่องบิน เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บข้างบน กลับไปนั่งบนเก้าอี้ รัดเข็มขัด ปิดหน้าต่าง เอนเบาะไปข้างหลับ แอร์ประกาศอะไรซักอย่าง ….. (ย้อนไปเรื่อยๆ) จนกระทั่งถึงตอนที่คุณน้าคลื่นไส้ หายใจไม่ออก เครื่องบินสั่น เครื่องบินเริ่มวิ่ง เครื่องบินจอด คุณน้าเดินออกจากเครื่องบินมาพร้อมกับกระเป๋า


🌵 ขั้นตอนที่ 4 เราดูหนังเรื่องเดิมอีกรอบ แต่เป็นขาวดำ


ในฐานะคนดูที่เห็นหนังเรื่องนี้ เราจะไม่รู้สึกกลัวแล้ว เพราะ 1. มันเร็ว 2. มันเป็นเวอร์ชั่นกลับกันกับเวอร์ชั่นแรก 


ทีนี้ให้คุณจินตนาการว่ากดปุ่ม “หยุด” อีกครั้ง และเลือกโหมด “ขาวดำ” แล้วก็กดปุ่ม “play” อีกครั้ง


คุณน้าเดินขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกับกระเป๋า นั่งลง เครื่องบินเริ่มวิ่ง และสั่น คุณน้ากลัวมาก …. จนกระทั่งเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัย คุณน้าหยิบกระเป๋าของตัวเอง และเดินออกมา (หนังเรื่องเดิมแต่เราดูมันอีกครั้งในเวอร์ชั่นหนังขาวดำนะคะ)



                                              Credit : Pixabay


🌵 ขั้นตอนที่ 5 กระโดดตบ 10 ครั้ง และสังเกตตัวเองอีกครั้ง


ลองวัดระดับความกลัวของตัวเองดูโดยการจินตนาการว่าต้องขึ้นเครื่องบินอีกครั้ง ต้องไปดูวิวบนตึกใบหยก หรือขึ้นลิฟท์แก้วไปบนชั้นสูงๆ แล้วดูว่ายังกลัวอยู่มั้ย??


80% ของคนจะหายกลัวหลังจากทำครบ 5 ขั้นตอนนี้ แต่ถ้าใครยังรู้สึกกลัวอยู่ ก็สามารถทำซ้ำขั้นที่ 1-5 อีกครั้ง จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้นค่ะ


นี่เป็นเทคนิคที่ทาร่าช่วยคุณน้าให้เลิกกลัวความสูง แล้วทาร่าก็ใช้กับตัวเองให้เลิกกลัวผี (ใช่ค่ะ เมื่อก่อนทาร่าเป็นคนกลัวผีมากจนไม่กล้าอยู่คนเดียวดึกๆ เลยค่ะ 😳)


นอกจากจะช่วยรักษาอาการ Phobia (โรคกลัวขั้นสุด) แล้ว เทคนิค NLP ยังสามารถช่วยปรับคลื่นสมองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายของเราด้วยค่ะ จริงๆ มันทำได้หลายวิธีค่ะ แต่วิธีนึงที่ง่ายมากๆ และได้ผล 1000% คือการทำ Vision Board ค่ะ 👉 ทาร่าเล่ารายละเอียดไว้ในเล่มนี้แล้วนะคะ ใครอยากออกแบบชีวิตตัวเองได้อย่างเป๊ะปัง ทั้งในเรื่องการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ สังคม และจิตวิญญาณ แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ 😘😘😘


📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน

#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ

#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ

#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ

💞 💞💞💞💞


ช่องทางในการติดตามทาร่า 😘


Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow


IG: tarathow


Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow


Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow


Blockdit 2: จุด by Tara Thow


Blogspot: tarathow.blogspot.com


Tiktok: @tarathow


Line: @tarathow



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น