07 กุมภาพันธ์ 2565

มโนยังไงให้ได้ดั่งใจ

เคยไหมคะที่หงุดหงิดใจว่าทำไมเราถึงทำอะไรบางอย่างไม่สำเร็จ? ทั้งที่เราตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่อยากให้เกิด ทาร่าผู้จริงจังขยันเรียนก็ได้ไปเรียนวิชามาล้านแปด ทั้งเทคนิคการฝึกให้ใจเย็น วิธีรับมือกับความโกรธ ความเครียดต่างๆ เรียนมาอย่างดี คิดว่าได้ใช้แน่ๆ เพราะตอนเรียนมันไม่ยากเลย แต่พอเวลาเกิดเหตุการณ์จริง มันไม่ง่ายเหมือนในทฤษฎีอ่ะสิ เจอลูกกรี๊ดมา เราก็อยากจะกรี๊ดกลับไปบ้าง สุดท้ายเลยกลายเป็นแม่ลูกสลับกันกรี๊ดใส่กัน ต้องให้ปะป๊ามาช่วยเยียวยาเราทั้งคู่ 😅


แล้วเราจะแก้ปัญหาแบบนี้ยังไงไม่ให้เกิดขึ้นอีก??



ในศาสตร์วิชาโค้ชชิ่ง เรามีเทคนิคลับ (รึเปล่าไม่รู้) อยู่อย่างนึงที่เรียกว่า Mental Rehearsal หรือการซ้อมในใจ ที่นิยมนำมาใช้ในการฝึก high achievers (คนสำเร็จระดับโลก) ทั้งหลาย





ถึงขนาดมีการทดลองแบ่งนักบาสออกเป็นสองกลุ่ม โดยให้กลุ่มนึงซ้อมจริงๆ ซ้อมวิ่ง ซ้อมชู้ต และอีกกลุ่มนั่งเฉยๆและใช้วิธีซ้อมในใจแทน ว่าต้องวิ่งแบบนี้ ต้องชู้ตแบบนี้ และเมื่อลงแข่งจริง ผลปรากฎว่าทีมฝึกด้วยการซ้อมในใจชนะค่ะ!! ผลการทดลองนี้เค้าได้สรุปไว้ว่า.. เพราะการฝึกฝนในชีวิตจริง เรามีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งอารมณ์ จิตใจ ร่างกาย เพื่อนร่วมทีม และอีกสารพัด แต่ในโลกจินตนาการของเรา ทุกอย่างมันเพอร์เฟคไปหมด และเมื่อจิตใจของเราคุ้นชินกับความเพอร์เฟคแล้ว ร่างกายและผลลัพธ์ของเราก็เลยออกมาตามนั้นด้วย



วิธีการฝึกซ้อมในใจ (Mental Rehearsal) ไม่ได้ใช้แค่ในกลุ่มนักกีฬาเท่านั้น แม้กระทั่งในวงการนางงามก็ยังเคยมีให้ได้ยิน ทาร่าจำไม่ได้แล้วว่าใครที่มีนักข่าวถามว่า… รู้สึกยังไงตอนที่ได้รับมงกุฎ?? และนางก็ตอบไปว่าชั้นรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก เพราะก่อนหน้านี้ชั้นก็ได้รับมาแล้วเป็นพันๆ ครั้ง หรือเกือบจะหมื่นครั้งด้วยซ้ำ !!!





ไม่ใช่แค่วงการนักกีฬากับนางงามเท่านั้นนะคะ แม้กระทั่งในกลุ่มผู้ป่วย กลุ่มทหารผ่านศึกก็มีตัวอย่างให้เห็นจนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่เป็น stroke (โรคเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมอง) ที่ทำให้เดินไม่ได้ หรือพูดไม่ได้ เค้าก็แค่นั่งจินตนาการว่าตัวเองเดินได้ พูดได้ ทำซ้ำๆ วนไปเรื่อยๆ จนวันนึงร่างกายก็ตอบสนองออกมาตามที่สมองและจิตใจสั่ง 



โอเคค่ะ เราอาจจะไม่ใช่ high achiever ขนาดนั้น แต่เราทุกคน!!! สามารถนำเทคนิคเดียวกันนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ อย่างทาร่าเอง ขอแค่ไม่ปรี๊ดเวลาลูกมาขอเงินเติมเกมนี่ก็นับว่าดีหนักหนาแล้ว





งั้นเราไปรู้จักเทคนิคนี้กันเลยนะคะ วิธีการง่ายๆ คือ


  1. จินตนาการถึงปัญหากวนใจ เช่น ลูกชายขอเงินไปเติมเกม

  2. จินตนาการว่าเราได้แก้ปัญหานั้นไปอย่างเพอร์เฟคมากๆ เช่น ยิ้มอ่อนแล้วตอบว่า “ลูกก็มีเงินรายอาทิตย์ของหนูอยู่แล้วนี่คะ ลูกรอถึงวันแล้วค่อยเติมเองนะคะ” แล้วก็ยิ้มอ่อนให้อีกครั้ง

  3. กลับสู่โลกปัจจุบัน หยิบมือถือมาเช็ค เปิดเพลงฟังซักเพลง กระโดดตบซัก 20 ครั้ง หรือวางแผนว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี

  4. กลับสู่โลกจินตนาการในข้อ 1 อีกครั้ง และวนไปเรื่อยๆ



ทายซิคะว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ลูกชายทาร่าเดินมาขอเงินเติมเกมครั้งที่ 1 ของเค้า แต่ครั้งที่ 101 ของทาร่า ???



ใช่เลยค่ะ ยิ้มอ่อนแล้วตอบว่า “ลูกก็มีเงินรายอาทิตย์ของหนูอยู่แล้วนี่คะ ลูกรอถึงวันแล้วค่อยเติมเองนะคะ” แล้วก็ยิ้มอ่อนให้อีกครั้ง



ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?? ก็เพราะว่าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้มาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เจอจนเบื่อ ตอบจนชินชามาแล้วในจินตนาการของเรา พอมาเจอจริงๆ เราก็สามารถที่จะมีปฎิกริยาตอบสนองไปเหมือนที่ครั้งก่อนๆ ได้เลย โดยที่ไม่ต้องคิดอีกแล้ว



ด้วยเทคนิคเดียวกันนี้คุณสามารถเอาไปปรับใช้กับอะไรก็ได้ค่ะ ขับรถแล้วเจอคนแย่ๆ เหรอ?? รถติดแล้วหงุดหงิดเหรอ?? หรือแฟนเก่าที่มาตามงอนง้อเหรอ?? เราอยากให้ผลลัพธ์มันออกมายังไง ก็มโนไปก่อนเลยค่ะ ทำ 1 2 3 4 วนไปร้อยรอบ พันรอบ เดี๋ยวพอร้อบที่ 1001 มา เราก็จะมีปฎิกริยาตอบสนองไปเหมือนที่เราได้ซ้อมไว้เองแหละ 






นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทาร่าเล่าเองเฉยๆ นะคะ แม้กระทั่งคุณพอใจ พุกกะคุปต์ ก็เคยเขียนบทความลงใน Bangkokbiznews เรื่องเรียนรู้จากผู้นำ: เคล็ดลับการ “คิด” แบบนักกีฬาโอลิมปิก (1) วิธีการ Visualization ทำโดยจินตนาการว่า เรากำลังอยู่ในการแข่งขันกีฬาจริงๆ แล้วกำหนด “ภาพ” ในใจอย่างละเอียดละออ ให้เสมือนจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้ทุกประสาทที่มี ทั้งภาพ รส กลิ่น เสียง ตลอดจนสัมผัสทุกการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ


เค้าบอกว่าพอทำแบบนี้เหมือนเรากำลังสั่งสมองและทุกอนูในกายให้จดจำทุกอย่างในจินตนาการ และไม่ว่าสมองของเราจะเก่งกาจขนาดไหน แต่ก็ไม่เก่งเท่าเจ้าของหรอกค่ะ เมื่อเราจินตนาการได้อย่างสมจริงบ่อยๆ เข้า สมองจะเริ่มเชื่อเราค่ะ หรืออีกนัยหนึ่ง สมองไม่สามารถแยกแยะระหว่างภาพที่เกิดจริง หรือสิ่งที่เรา “มโน” ได้ เพราะฉะนั้นทำไมเราไม่มาฝึกที่จะ “มโน” ให้ได้ดั่งใจล่ะ



นอกจากเทคนิค (ลับ) มโนยังไงให้ได้ดั่งใจแล้ว ทาร่ายังมีศาสตร์การทำ Vision Board ที่ทาร่าลงมือศึกษา ปฎิบัติจริง จนทำให้ชีวิต เป๊ะปัง มาแล้ว ทาร่ามั่นใจมากๆ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ



📙📙📙

 

หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางอื่นๆ ในการติดตามทาร่า:

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

Youtube: tarathow

IG: tarathow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

ติดต่องาน: ไลน์ไอดี tara.thow





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น