12 เมษายน 2565

💞 2 คำถามที่จะช่วยเยียวยาได้ทุกความสัมพันธ์ 💞

ความสัมพันธ์ก็เหมือนต้นไม้ค่ะ ต่อให้คุณเลือกพันธุ์ไม้อย่างดี ตั้งใจปลูก และวางไว้ในที่ที่แสงแดดพอเหมาะแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่ใส่ปุ๋ย ไม่รดน้ำ วันนึง…. ต้นไม้ก็เหี่ยวเฉาเหมือนได้เหมือนกัน 


ความสัมพันธ์ของคนเราก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าเราจะผูกพันกันทางสายเลือด เป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ หรือผูกพันธ์กันทางกฎหมาย เป็นสามี ภรรยา แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจ ไม่ดูแลซึ่งกันและกัน วันนึง…. ความสัมพันธ์ของเราก็เหี่ยวเฉาได้อย่างน่าเสียดาย 


..

..


ทุกวันนี้เราติดต่อสื่อสารกันได้ภายในเสี้ยววินาทีด้วยสมาร์ทโฟน ขอเพียงคุณเข้าถึงอินเตอร์เน็ต คุณก็สามารถรู้ความเป็นไปของคนในครอบครัวได้แล้ว แต่คุณรู้ไหมคะว่าคนข้างตัวคุณทานอาหารอะไรเป็นอาหารมื้อเช้า คุณรู้ไหมคะว่าลูกชอบวิชาอะไรมากที่สุด คุณรู้ไหมว่าคุณแม่ได้ของที่ส่งไปแล้วยัง บางบ้านอาจจะรับรู้ความเป็นมาเป็นไปของกันและกัน?? 


สำหรับบ้านไหนที่ความสัมพันธ์ไม่ได้สนิทกัน (มาก) ไม่รู้จะคุยอะไรกัน หรือมีเวลาคุยกันแค่ช่วงสั้น ๆ วันนี้ทาร่ามี “เกม 2 คำถาม” ที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวมาแชร์กับเพื่อน ๆ กันค่ะ


ที่ทาร่าเรียกว่าเกมก็เพื่อที่จะทำให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกสนุกไปกับมัน และเวลาคุยกันด้วยคำถามแบบนี้บางทีมันก็ชวนให้รู้สึกจั๊กจี๋เหมือนเล่นเกมนี่แหละค่ะ 


Credit : pixabay



วิธีการก็แสนง่ายดาย แค่ชวนทุกคนมานั่งล้อมวงกันและสลับกันตอบคำถามที่ว่า….


💞 “คุณรักฉันเพราะอะไร??”


เริ่มจากคุณพ่อก่อน คุณพ่อก็จะไล่ตอบไปทีละคน


เช่น พ่อรักแม่เพราะ…. พ่อรักลูกคนชายคนโตเพราะ…… พ่อรักลูกสาวคนเล็กเพราะ…. และสุดท้ายพ่อรักตัวเองเพราะ…..


ถึงตาแม่บ้าง แม่รักพ่อเพราะ……… แม่รักลูกชายคนโตเพราะ…. แม่รักลูกสาวคนเล็กเพราะ…. และแม่รักตัวเองเพราะ…….


ส่วนลูกชายกับลูกสาว… ก็ให้ตอบคำถามเดียวกันจนครบทุกคนในครอบครัว


และขึ้นคำถามข้อใหม่ค่ะ และคำถามที่ 2 ที่ทาร่าแนะนำ คือ


💞 “คุณภูมิใจอะไรในตัวฉัน??”


แต่เพื่อน ๆ จะเปลี่ยนคำถามเป็นอย่างอื่น เช่น คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนกับฉัน คุณอยากทำอะไรกับฉัน หรือคุณอยากให้ฉันทำอะไรให้คุณ หรืออื่น ๆ ที่อยากจะรู้ก็ไม่ผิดกติกาค่ะ


..

..


Credit : pixabay

สำหรับทาร่าเอง เวลาที่ได้เล่นเกมนี้กับครอบครัว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที แต่มันทำให้เราหายเหนื่อยและกลับมาใจฟู ชูใจได้อีกครั้งเลยค่ะ คล้าย ๆ กับว่าได้ reset ความสัมพันธ์ของพวกเราอีกครั้ง (ในกรณีที่ลูกบ่นแม่ แม่บ่นลูก ปะป๊าเรียกให้ไปนอนเร็ว ปลุกให้ตื่นแต่เช้า บางวันตื่นไม่ทันก็ต้องพาไปโรงเรียนโดยที่ไม่ได้กินข้าว… ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เคยเพอร์เฟคอยู่แล้ว เรากระทบกระทั่งกันทุกวัน - -”) 


การที่ได้ยินคำตอบพวกนี้ มันเหมือนเป็นการบังคับให้พวกเราหันมามองข้อดีของกันและกัน และได้บอกรักกันอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องเขินอาย อ่อ!! และช่วยในเรื่อง self-love ด้วยค่ะ นอกจากจะบอกรักคนอื่น ภูมิใจในคนอื่นแล้ว เราก็ต้องต้องตอบคำถามที่ว่า… ทำไมฉันถึงรักตัวเอง?? และทำไมฉันถึงภูมิใจในตัวเอง?? ไปพร้อมกันด้วย


(ข้อมูลเพิ่มเติม: อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ นักวิชาการจากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บอกไว้ว่า… เราควรที่จะชื่นชมเฉพาะในสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น เพราะหากตะบี้ตะบันชมมันทุกอย่าง คนในครอบครัวเราทำอะไรก็ดีไปหมด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ก็อาจจะมี reverse effect ตามมา กลายเป็นการสร้างนิสัย “ข้างหลังไม่เป็นไร เอาข้างหน้าไว้ก่อน” ให้กับเด็ก ๆ ได้เหมือนกันค่ะ)


นอกจาก “เกม 2 คำถาม” นี้ยังมีหนึ่งเคล็ดลับในการตั้งเป้าหมาย และเสกชีวิตจริงให้ตรงกับ “ภาพในฝัน” ด้วยการทำ Vision Board ค่ะ ทาร่าใช้มาเป็นสิบปีแล้วค่ะ มันได้ผลมากๆๆๆ ในชีวิตนี้ยังไม่เคยได้ยินใครที่ใช้ Vision Board แล้วไม่ได้ผล ใครอยากรู้จักกับความมหัศจรรย์ของ Vision Board เชิญตำเล่มนี้เลยค่ะ 🥳🥳🥳


📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

Line: @tarathow




3 คำแนะนำที่ดีที่สุดในชีวิต จากเด็ก 9 ขวบ

บางทีเด็ก ๆ ก็มีคำแนะนำที่ดีที่ให้เราได้น้าาา.. วันนี้ ด.ช. ไมเคิล ไล้ (ลูกชายของทาร่าเอง) จะมาแชร์ Life Hacks กับเพื่อนให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ก่อนอื่นบอกเลยนะคะว่านี้เป็นคำแนะนำที่เก็บตกมาจากไอเดียของนุ้งเองเลย ไอเดียที่เค้าคิดว่าดีที่สุด เจ๋งที่สุดในมุมมองของเค้ามีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ 


Credit : pixabay

Life hack ข้อที่ 1 ถ้าคุณอยากให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ คุณต้องเล่นเกมค่ะ!! 


การเล่นเกมจะทำให้วันที่น่าเบื่อของคุณกลายเป็นวันที่สดใสและน่าตื่นเต้นขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเกมในคอม เกมในมือถือ หรือเกมในห้าง ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเบื่อและรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปช้าซะเหลือเกิน…. เกมช่วยคุณได้ค่ะ



                                                       Credit : pixabay


Life hack ข้อที่ 2 ถ้าบ้านใครมีปัญหา ให้มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่ม


ไมเคิลบอกว่า ถ้าเราอยากให้ครอบครัวเรามีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้มเพิ่ม เชียร์ให้คุณพ่อคุณแม่มีเบบี้เลยค่ะ  ไมเคิลบอกว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา จากพ่อแม่ที่ขี้บ่น โกรธตลอดเวลา พอมีเบบี้น่ารักๆ เพิ่มมา ทุกคนก็จะวุ่นวายกับการดูแล เอาใจใส่ ชื่นชม และหลงใหลใน “ความน่ารัก” ของเบบี้


Life hack ข้อที่ 3 ถ้าคุณอยากมีเพื่อนที่ดี คุณต้องกล้า ‘เป็นตัวเอง’ ในที่สาธารณะ

ไมเคิลยกตัวอย่างไว้ว่า ถ้าเราเป็นคนที่ชอบกิน Marshmallow เราก็ต้องไปกิน Marshmallow ในที่สาธารณะให้ทุกคนเห็น ใครที่ชอบ Marshmallow เหมือนเรา เค้าจะเดินเข้ามาหาเรา และอยากเป็นเพื่อนกับเรา แต่ถ้าเราไม่กล้าเป็นตัวเอง ไม่กล้ากิน Marshmallow ให้ใครเห็น เพื่อน ๆ เค้าจะไม่รู้จักเรา ไม่รู้ว่าเราชอบและไม่ชอบอะไร และเราก็อาจจะไม่ได้เจอเพื่อนที่เป็นคอเดียวกับเราก็ได้ 


BONUS Life hack ถ้าอยากให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีความสุข เราต้องทำอาหารให้อร่อย


อิอิ อันนี้เป็นโบนัสพิเศษจากไมเคิลนะคะ เพราะทุกคนชอบของอร่อย ถ้าที่ไหนมีอาหารอร่อย ที่นั่นก็จะเต็มไปด้วยความสุข ง่าย ๆ แค่นี้เองค่ะ


( สำหรับใครที่อยากฟังสด ๆ และเห็นหน้าเบบี้ของไมเคิล ขอเชิญที่คลิปนี้เลยนะคะ บอกเลยว่าน่ารัก น่าเอ็นดูมาก ๆ แม่นี่ดูไปสิบกว่ารอบ 😂 )


https://www.youtube.com/watch?v=G0XlFIPxCt4



     Credit : pixabay


ทาร่าคิดว่าเป็นไอเดียที่น่ารัก น่าเอ็นดูมาก ๆ บางครั้งความสุขในชีวิตมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เวลาคิดอะไรไม่ออก ทาร่าแค่คุยกับลูกชายก็จะได้มุมมองใส ๆ ที่เอามาปรับใช้ได้จริงบ่อย ๆ เลยค่ะ


ทาร่าเป็นคนนึงที่เชื่ออย่างสุดใจว่าชีวิตที่ดีจะต้องดีในทุกมิติ ทั้งการงาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว สังคม การพัฒนาตัวเอง และการเติบโตทางจิตวิญญาณด้วย และทาร่ามีเครื่องมือนึงที่รักมากๆ ใช้มาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้ชีวิตในฝันกลายเป็นความจริงขึ้นมา 


ขอฝากหนังสือเล่มนี้ไว้ด้วยนะคะ



📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: จุด by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

Line: @tarathow



26 มีนาคม 2565

เคล็ด (โคตร) ลับ (ช่วย) กระชับความสัมพันธ์

ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 2007 ทาร่ามีโอกาสเรียน NLP (การโปรแกรมจิตใต้สำนึก) ครั้งแรกกับ George Faddoul สถาบันชื่อ QC Seminars ที่ออสเตรเลีย ก็เอามาใช้บ้าง ลืมบ้าง บางเรื่องที่ดูไม่เป็นประโยชน์ในตอนนั้น ต้องขอบคุณช่อง Youtube, Blockdit, Blogger ต่างๆ ที่บังคับให้ทาร่าต้องไปดูโน้ตเก่าๆ ของตัวเองเพื่อที่จะหาความรู้มาแบ่งปันกับเพื่อน ๆ และวันนี้ทาร่าก็เจอเทคนิคการพัฒนาความสัมพันธ์อันนึงที่เคยเรียนมาตั้งแต่ปี 2007 โน้นนนน… ที่อยากจะเอามาแบ่งปันกับเพื่อน ๆ ค่ะ


💗 มันชื่อว่า “Relationship Magic” (ที่แปลว่า มหัศจรรย์ของความสัมพันธ์) นั่นเอง


ทุกสิ่งอย่างในโลกนี้มันจะยังมีความเป็นอิสระ มันจะเป็นอะไรก็ได้ หรือมันจะเป็นหลายๆ อย่างในคราวเดียวกันก็ยังได้ จนกระทั่งเรามีคำนิยาม หรือเรามีชื่อเรียกให้มัน ยกตัวอย่างเช่น หนังสือชื่อ 21 Lesson for the 21 Century เป็นหนังสือที่ทาร่ารักมาก ๆ แน่นอนว่าในความจริงข้อนึง มันก็เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มนึง (ทาร่าเคยเล่าถึงไปแล้ว แปะลิงก์ไว้ให้ท้ายบทความนะคะ) 



Credit : Unsplash 


ในขณะเดียวกันหลายคนก็เอามาใช้เป็นของตกแต่งบ้าน ตกแต่งออฟฟิศ เป็นพร็อพสำหรับคนที่ต้อง live บ่อยๆ พอมีหนังสือดีๆ พวกนี้วางไว้ก็จะช่วยเพิ่มเครดิตให้เจ้าของบ้านขึ้นมาทันที 


และมีอยู่ช่วงนึงที่ทาร่าเอามาใช้เป็นที่ทับกระดาษ เพราะมันหนาดีเหลือเกิน 


แต่สุดท้ายแล้ว ความหมายหรือคุณค่าทางใจที่แท้จริงของหนังสือเล่มนี้สำหรับทาร่า คือ มันคือของขวัญจากไอดอลของทาร่าเองค่ะ เค้าให้มาตอนจัดออฟฟิศใหม่ พร้อมข้อความว่า “อยากให้อ่านนะ เอาไว้เป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก” งื้อ แค่นี้ก็ทำให้หนังสือธรรมดากลายมาเป็นเครื่องราง ของขลัง ประจำโต๊ะทำงานของทาร่าแล้วค่ะ 


พูดง่ายๆ ก็คือ………


ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ (หรือนอกโลกใบนี้) มันขึ้นอยู่กับคำนิยามที่เราตั้งให้มันค่ะ


💖 เพราะฉะนั้น Relationship Magic ก็คือการที่เราปรับคำนิยามให้กับความสัมพันธ์ของเราค่ะ อะไรที่ไม่ดีก็โยนใส่ถังขยะแล้วเอาไปทิ้งซะ ส่วนอะไรดีๆ ก็ชี้ไปที่หน้าเค้าแล้วตะโกนออกไปดังๆ เรื่องนี้สามารถเอามาปรับใช้ได้กับทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น แฟน เพื่อน สามี ภรรยา เจ้านาย ลูกน้อง ลูก พ่อ แม่ พ่อตา แม่ยาย พ่อปู่ แม่ย่า คือเอามาปรับใช้ได้หมดเลยค่ะ



Credit : Unsplash 


ส่วนวิธีการก็แสนง่ายดาย มีแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้น


🍀 1. ให้เราหาถังขยะมา 1 ใบและวางไว้ข้างหน้าคนที่เราอยากจะปรับจูนความสัมพันธ์ด้วย และพูดข้อเสียทุกอย่างของเค้า พร้อมกับชี้ไปที่ถังขยะ เช่น เธอเป็นคนขี้เกียจ เธอไม่พาชั้นไปเที่ยว เธอกินขนมแล้วไม่เอาไปทิ้ง เธอชอบถอดถุงเท้าทิ้งไว้ในห้องรับแขก เธอนอนดึก เธอไม่ช่วยล้างจาน เธอชอบซักผ้าแบบ 30 นาที มันไม่สะอาด เธอชอบเล่นเกม เธอ เธอ เธอ !!! ทุกอย่างที่เธอเป็นแล้วชั้นไม่ชอบ พูดไป ชี้ถังขยะไป ระบายออกไปให้หมดจนรู้สึกโล่ง หลังจากนั้นก็ผูกถุง แล้วเอานิยามแย่ๆ ของเค้าไปทิ้งซะ


🍀 2. กลับมานั่งข้างหน้าเค้าอีกครั้ง และค่อยๆ พรั่งพรูความจริงด้านดีๆ ของเค้าออกมาพร้อมกับชี้ไปที่เค้าด้วย เช่น เธอหล่อ เธอแซ่บ เธอเป็นพ่อที่น่ารักมาก เธอไม่ใช้เงิน เธอไม่ออกไปไหน เธอมีเวลาให้ครอบครัวเสมอ เธอให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง เธอนิสัยดี เธอมีน้ำใจ เธอใจเย็น เธอรักสัตว์ เธอปลูกต้นไม้ เธอซื้อของเข้าบ้าน เธอทำอาหาร เธออบอุ่น เธอตามใจชั้นทุกอย่าง เธอมีความสุข เธอฉลาด เธอ เธอ เธอ!!! พูดแต่เรื่องดี ๆ ของเธอ แล้วชี้ไปที่เธอ


แล้วคุณจะได้พบความมหัศจรรย์ของความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนที่อยู่ตรงหน้าค่ะ 😘


ลองทำกันดูนะคะ ได้ผลยังไง กลับมาแชร์ให้ทาร่าฟังบ้างนะคะ 


นอกจากเทคนิคดีๆ ที่ช่วยสร้างความมหัศจรรย์ให้กับความสัมพันธ์แบบ Relationship Magic แล้วทาร่ายังมีอีกเทคนิคนึงที่ดีงามไม่แพ้กัน นั่นคือการหารูปชีวิตในฝันของเรามาแปะไว้ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ทุกวัน และ ปิ๊ง!!! จักรวาลจะจัดสรรสิ่งนั้นมาให้คุณอย่างไม่น่าเชื่อ


สำหรับความรู้เรื่อง NLP (การโปรแกรมจิตใต้สำนึก) และวิธีการทำ Vision Board อย่างละเอียดนั้น ทาร่าได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้วค่ะ อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้อ่านและค้นพบทางลัดไปสู่ความสำเร็จและผลลัพธ์ในชีวิตด้วยกันนะคะ



📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

Line: @tarathow





20 มีนาคม 2565

รู้ก่อนได้เปรียบ 4 ทักษะสำหรับเด็กที่เกิดในศตวรรษที่ 21

 💢 บทความนี้สำหรับคนที่มีลูกมีหลานทุกคนค่าาา… อย่างที่เรารู้กันว่าโลกทุกวันนี้มันหมุนเร็วมาก (หรือเรียกได้ว่าเหวี่ยงเร็วอาจจะเหมาะกว่า) ใครจะจินตนาการได้ว่าภายในไม่ถึง 100 ปี โลกจะพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้ 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย เมื่อ 40 ปีที่แล้วถ้าเราอยากติดต่อสื่อสารกับใครอีกคน จากอีกซีกโลกหนึ่ง เราจะต้องส่งจดหมาย ส่งโทรเลข ใช้เวลาเร็วสุด 1-2 เดือน แต่ทุกวันนี้ทาร่าอยู่ออสเตรเลีย ปะป๊า แม่ พี่สาว น้องชายอยู่ที่สงขลา แค่ส่งข้อความไปในไลน์กลุ่มกริ๊กเดียวก็ได้รับพร้อมกันแบบ (แทบจะ) real time เลย

ทาร่ายกตัวอย่างให้เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพวิวัฒนาการสั้นๆ ของโลกเรา ซึ่งแน่นอนว่ายุคคุณแม่ ยุคเรา และยุคของลูกหลานเรา มันไม่เหมือนกัน มันต่างกันมากกก


Credit:Pixabay

แล้วคนเป็นพ่อเป็นแม่เราอย่างเราควรจะสอนทักษะอะไรให้กับลูกของเราดี ???

ทาร่าได้หนังสือเล่มนึงมาจากไอดอลการลงทุนของทาร่าเองค่ะ "21 Lessons for the 21st Century" (ชื่อภาษาไทย คือ 21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21) เขียนโดย Yuval Noah Harari คนเดียวกับหนังสือขายดี Sapiens (เซเปี้ยน ประวัติย่อมนุษยชาติ) 



ด้วยความที่ทาร่าเป็นมนุษย์แม่ลูกสอง เลยสนใจเรื่องของเด็กๆ เป็นพิเศษ และหนังสือเล่มนี้ก็มีคำตอบให้ทาร่าค่ะ ว่ามีทักษะอะไรบ้างที่เราต้องใส่ใจ และสอนให้ลูกๆ ของเรา เพื่อให้เค้าสามารถใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้มีความสุขและประสบความสำเร็จ ทาร่าเลยอยากเอามาแชร์กับเพื่อนๆ ด้วย ตามนี้ค่ะ


เค้าเรียกมันว่า 4Cs ได้แก่ Critical Thinking (คิดแยกแยะเป็น), Creativity (จินตนาการ), Communication (ติดต่อสื่อสาร), Collaboration (ทำงานร่วมกับผู้อื่น)


1) Critical Thinking คิดแยกแยะเป็น 

ถามว่าทักษะนี้สำคัญยังไง? มันสำคัญมากๆ เพราะว่าเด็กๆ รุ่นนี้เกิดมาในยุคที่ข้อมูลล้นโลกไปหมด อยากรู้อะไร อยากถามอะไร แค่พิมพ์ไปใน Google ข้อมูลก็ไหลออกมาเป็นหลายร้อยหน้า หลายร้อยคำตอบ ถ้ารวมกับ Facebook, Youtube, Tiktok ด้วย ข้อมูลก็จะยิ่งเยอะเข้าไปอี๊กกก


เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องสอนลูกๆ ของเราให้สามารถคิดเองได้ค่ะ เค้าต้องสามารถวิเคราะห์เป็นว่าข้อมูลแต่ละอย่าง ที่คนนู้น คนนี้ คนนั้น บอกมาเนี่ยะ มันมีความเป็นไปได้ มีความน่าเชื่อถือขนาดไหน มีความจริงอยู่ในนั้นกี่เปอร์เซนต์ 


เช่น เคยมีการส่งข้อความเตือนกันมาว่า เจอพยาธิในสมอง เพราะดินกินปลาดิบ เฮ้ย!!! เรื่องนี้ทาร่าเคยคุยกับน้องสะใภ้ที่เป็นหมอฟัน แล้วเราก็ช่วยกันวิเคราะห์ว่าการที่พยาธิจะเดินทางออกจากระบบทางเดินอาหารที่ประกอบด้วย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และทวาร แล้วไปโผล่ที่สมองซึ่งมีเนื้อเยื่อห่อหุ้มอยู่หลายชั้นนี่มันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน??


(ความเห็นส่วนตัว ทาร่ากับน้องสะใภ้คิดว่าเป็นไปได้ยากมากๆ เราไม่เชื่อ แต่ก็มีหลายคนที่เชื่อ และก็ยังส่งต่อๆ กันไป และเลิกกินปลาดิบไปเลยก็มี)


Credit:Pixabay


และยังอีกหลายๆ เรื่องที่เราได้รับการแชร์ต่อๆ กันมาในแต่ละวัน ตั้งแต่ คลิปโตจะมาแทนเงินจริงๆ หุ่นยนต์จะมาทำงานแทนคนได้ พลังงานไฟฟ้าจะมาแทนที่น้ำมันและถ่านหิน ธนาคารกำลังจะเจ๊ง คนที่เคยเป็นโควิดต่อให้หายแล้วแต่ปอดก็ไม่เหมือนเดิม และอื่นๆ อีกมากมาย…


ที่เราต้องกลั่นกรองอยู่ทุกวันว่าอะไรคือความจริง?? และมันจริงสำหรับใคร?? หรือจริงกี่เปอร์เซ็นต์?? และเราควรจะทำยังไงกับความจริงนั้น??


ในอดีตคนที่มีข้อมูลมากกว่าจะได้เปรียบในการตัดสินใจและวางแผนชีวิต แต่ในยุคนี้ทุกคนมีข้อมูลเท่ากันหมด สิ่งที่จะชี้วัดความได้เปรียบในชีวิต คือ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลค่ะ



2) Creativity (จินตนาการ) 


เชื่อไหมคะว่ายุคนี้ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสำคัญกับทุกสายอาชีพ ไม่ใช่แค่อาชีพศิลปิน หรือ นักร้อง นักดนตรี แม้แต่แม่ค้าขายขนมครก ก็ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เราจะขายขนมครกยังไงให้ดึงดูดลูกค้า??

ทักษะ 'จินตนาการ' นี้จะทำให้เด็กๆ สามารถมองเห็นและเข้าใจปัญหาในหลากหลายแง่มุมที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น ทำให้เด็กๆ ค้นพบการคิดหาแนวทางการแก้ปัญหาด้วยวิธีการใหม่นั่นเอง 

ทาร่าเชื่อว่ายิ่งโลกเราหมุนเร็วเท่าไหร่ ทักษะนี้ก็ยิ่งสำคัญมากเท่านั้น เพราะโลกกำลังเกิดการ disrupt ในทุกด้าน ความคิดสร้างสรรค์จะเป็นตัวจุดประกายวิธีคิดที่แตกต่างจากการคิดแบบเดิมๆ ไม่จำเป็นต้องทำอย่างที่เคยทำ และช่วยส่งเสริมนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม


Credit:Pixabay


3) Collaboration ทำงานร่วมกับผู้อื่น

ทีมเวิร์คอิสสสสะพาวเวอร์!!! (Team work is power) หนึ่งในทักษะที่ทุกสายงานจำเป็นต้องมี แล้วเด็กๆ รุ่นใหม่จำเป็นต้องมีตั้งแต่ตอนเป็นเด็กน้อยเลย คือต้องให้เค้ารู้จักการทำงานเป็นทีมเวิร์ค (Teamwork) และการประสานงาน (Cooperation) 

เราต้องฝึกให้เขารู้ด้วยตัวเองว่าการทำกิจกรรมต่างๆ และแบ่งปันสิ่งของกับเพื่อนๆ สนุกกว่าการทำกิจกรรมคนเดียว ให้เขาได้เรียนรู้ว่าทุกอย่างในโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเขา 

เพราะในโลกของการทำงานที่แท้ทรู ทุกคนต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ต่อให้คุณจะรับบทเป็นนักเขียนผู้ทำงานปลีกวีเวกในป่าใหญ่ คุณก็ต้องพูดคุยกับ บ.ก. อยู่ดี 

และที่สำคัญเราต้องฝึกให้เค้ารู้ตั้งแต่เล็กๆ ว่า มีคนที่ไม่ได้ความคิดเหมือนเราในทุกเรื่อง ฉะนั้นเด็กๆ ต้องเรียนรู้และปรับตัว ฝึกฝนให้รู้ว่าเมื่อเค้าไปเจอคนที่คิดต่างกับเรา เค้าจะจัดการปัญหานั้นยังไง

Credit:Pixabay

4) Communication การสื่อสาร

เด็ก ๆ ต้องฝึกฝนทักษะการสื่อสารเพื่อที่สามารถถ่ายทอดความคิดให้ผู้อื่นเข้าใจอย่างชัดเจน ผ่านการสื่อรูปแบบต่างๆ หัวใจของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ควรจะกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ตรงประเด็น เข้าถึงผู้คน และรวมถึงการอ่านความรู้สึกผู้ฟังด้วย 

การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เด็ก ๆ สามารถสื่อสารความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่หลงประเด็น ซึ่งพ่อแม่สามารถช่วยลูกๆ ฝึกฝนทักษะการสื่อสารผ่านกิจกรรมง่ายๆ ที่บ้านได้ เช่น พูดคุยกับลูกบ่อยๆ สร้างบรรยากาศที่ดีให้เขาสบายใจที่จะคุยกับเรา อดทนฟังเขาพูดให้จบอย่าไปตัดบทก่อน 

เป็นยังไงบ้างคะ?? 4 ทักษะจำเป็นสำหรับเด็กที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ที่ทาร่าคิดว่าสามารถนำไปปรับใช้ได้กับคนทุกวัยเลยค่ะ ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน ใครรู้ก่อน ปรับตัวก่อน ได้เปรียบค่ะ 

Credit:Pixabay



🌈 ความรู้หรือทักษะใหม่ๆ ก็เหมือนเรามีไอเท็มใหม่ๆ ในเกมก่อนคนอื่น ทาร่าเป็นคนนึงที่หลงใหลในศาสตร์พัฒนาตัวเองและพยายามหาทางลัด หาไอเท็มใหม่ๆ มาเก็บในเกม (ชีวิต) ของตัวเองอยู่เสมอ และ Vision Board ก็เป็นหนึ่งในไอเท็มในดวงใจของทาร่า ที่ใช้มา 10 กว่าปีแล้วค่ะ มันง่ายและได้ผลมากๆ 💯 ทาร่ายังไม่เคยได้ยินใครที่มี Vision Board แล้วไม่ได้ผลลัพธ์ในแบบที่ตัวเองฝันไว้เลยค่ะ



🌈 สำหรับใครที่อยากทำความรู้จักกับไอเท็มชิ้นนี้อย่างละเอียด ไปตำเล่มนี้กันค่ะ 👇


📙 หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow

 

แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl

E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0

E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj

 

ช่องทางในการติดตามทาร่า

 

Facebook: https://www.facebook.com/pagetarathow

IG: tarathow

Youtube: https://www.youtube.com/c/TaraThow

Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow

Blockdit 2: เทคนิคเพี้ยนๆ ที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง by Tara Thow

Blogspot: tarathow.blogspot.com

Tiktok: @tarathow

Line: @tarathow


อ้างอิงเพิ่มเติม :  https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/protect-my-family/4c-learning-skills-for-kids-21st-century-banner.html